รายได้รวมของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2566 หากเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 รายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 162.3 จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น และ EBITDA ของบริษัทดีขึ้น ทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้การขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า 77 เมกกะวัตต์ที่ประเทศกัมพูชา
ด้านความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน Miaoli Lake West กำลังการผลิต 200 เมกกะวัตต์เป็นหนึ่งโครงการใหญ่ของ PRIME ในประเทศไต้หวันที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ เฟสที่ 1 PRIME ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินเป็นจำนวน 85 เฮกตาร์ได้เรียบร้อยแล้วและกำลังอยู่ในการขอรับใบอนุญาต Establishment license และใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างโครงการได้ ภายในเดือนมิถุนายนปี 2567 และจะก่อสร้างเสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี 2568
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนบ่อเลี้ยงปลา Budai Outdoor Fishfarm ในจังหวัดเจียอี้ ขนาด 99 เมกกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการใหญ่ของ PRIME ในประเทศไต้หวันเช่นกัน ในปัจจุบันทาง PRIME ได้รับสิทธิการใช้ที่ดินมาเป็นจำนวนกว่า 100 เฮกตาร์ เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการขอรับใบอนุญาต Establishment license และใบอนุญาตอื่นๆที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 1 ปี 2568 แล้วก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วง Q2 ของปี 2569 ตามลำดับและหลังจากที่ทาง PRIME ได้ดำเนินการพัฒนาและก่อสร้างโครงการ Indoor Fishfarm Xitong 1 และ 2 สำเร็จพร้อมดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อ 30 ธันวาคม 2565 นั้น ทาง PRIME ได้พัฒนาและก่อสร้างโครงการประเภท Indoor Fishfarm เพิ่มเติมอีกจำนวน 3 กลุ่มโครงการ โดยโครงการ Xitong 3 และ 4 และ Xitong 8 และ 9 อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2566
นอกจากโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศไต้หวัน PRIME ได้วางเป้าหมายและแผนธุรกิจให้ประเทศอินโดนีเซียเป็นพื้นที่เป้าหมาย ทาง PRIME ได้เริ่มดำเนินการพัฒนาและก่อสร้างโครงการ Solar rooftop แบบ Private PPA กับทางบริษัทเอกชนจากประเทศเกาหลีเป็นโครงการแรก โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง 900 กิโลวัตต์ และเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา และมีโอกาสในการพัฒนาเฟส 2 และ 3 รวมถึงโอกาสขยายไปที่เกาะอื่นๆ เนื่องจากไฟฟ้าของประเทศอินโดนีเซียในหลายพื้นที่ยังเข้าไม่ถึง หรือ ไม่เสถียร จึงเป็นโอกาสของระบบผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ไม่ต้องก่อสร้างสายส่งขนาดใหญ่มาก และใช้ระบบกักเก็บพลังงานเข้าร่วมด้วย ทาง PRIME คาดการณ์ว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จและเริ่มดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายปี 2566 นี้
ที่มา: ไพร์ม โรด เพาเวอร์