รายงานระดับโลกฉบับนี้จัดทำขึ้นเป็นฉบับที่ 24 โดยแสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนยังคงเป็นแกนหลักในกลยุทธ์ของเต็ดตรา แพ้ค และมีความสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2565 เต็ดตรา แพ้ค บรรลุเป้าหมายสำคัญ โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในการดำเนินงานลงได้ถึง 39%2 ซึ่งมาจากการใช้พลังงานหมุนเวียนในสัดส่วน 84%3 เป็นไปตามเนวทางที่จะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของเราภายในปี 2573 นอกจากนี้ การส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพืชไปทั้งสิ้น 8,800 ล้านกล่อง4 และฝาที่ทำจากพืชไป 11,900 ล้านชิ้น ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์5 ได้ถึง 131 กิโลตัน เต็ดตรา แพ้ค ยังลงทุนเกือบ 30 ล้านยูโร6 เพื่อเร่งให้มีการรวบรวมและรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มใช้แล้ว ขณะเดียวกัน ยังมีการทำงานร่วมกับศูนย์บ่มเพาะธุรกิจด้านเทคโนโลยีอาหารและสตาร์ทอัพ เพื่อวางแผนงานในอนาคตของอาหารที่ยั่งยืน
รายงานฉบับล่าสุดนี้ ใช้แนวทางแบบองค์รวมเชื่อมโยง 5 ประเด็นหลักที่บริษัทสามารถมีส่วนช่วยได้มากที่สุด ได้แก่ ระบบอาหาร, การหมุนเวียนทรัพยากร, สภาพอากาศ, ธรรมชาติ และความยั่งยืนทางสังคม
สำหรับ เต็ดตรา แพ้ค ประเทศไทย มีส่วนในการสนับสนุนเป้าหมายระดับโลกในทุกๆ ด้าน โดยได้ให้ความสำคัญลำดับแรกกับการขับเคลื่อนโซลูชันหมุนเวียนทรัพยากร เน้นให้เกิดการจัดเก็บ รวบรวม และรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น เพื่อดึงวัสดุที่ใช้แล้วออกจากหลุมฝังกลบ และร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์รีไซเคิล ซึ่งความก้าวหน้าในด้านนี้ ได้แก่:
- จัดตั้งศูนย์รับซื้อคืนและรวบรวมกล่องที่ใช้แล้ว 15 แห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
- รวบรวมกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วมากกว่า 2,500 ตัน และส่งมอบเพื่อผลิตเป็นแผ่นหลังคากว่า 68,000 แผ่น ผ่านโครงการเก็บกล่องสร้างบ้าน
- ช่วยให้เกิดการรวบรวมกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วจากระบบการซื้อขายขยะมากกว่า 75 ตัน ในปี 2565 ส่งไปรีไซเคิลโดยโรงงานรีไซเคิลแห่งใหม่ของบริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ไทย
คุณปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "เต็ดตรา แพ้ค ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิดที่ว่า บรรจุภัณฑ์ควรมีมูลค่าในตัวเองมากกว่าต้นทุนที่จ่ายไป และปัจจุบัน เป้าหมายของเรา คือ ก้าวนำสู่การเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืน เพื่อให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและชุมชนในเชิงบวก การทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนท้องถิ่น ทำให้เราได้เห็นตัวอย่างดีๆ มากมาย และยินดีที่ได้เห็นความคิดดี ๆ เหล่านี้ จากหลายส่วนที่มาช่วยกันผลักดันแนวทางแก้ปัญหาการหมุนเวียนทรัพยากรในประเทศไทย และรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก
เราต้องขอบคุณสำหรับทุกความมุ่งมั่นและความร่วมมือในท้องถิ่นที่ได้สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ริเริ่มขึ้นในประเทศไทยให้เกิดผลสำเร็จ เราพบกับความท้าทายเฉพาะด้านที่ไม่เคยเจอมาก่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้น การได้เห็นความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในวงจรทั้งหมดนี้ จึงเป็นกำลังใจอย่างมาก และเราหวังจะได้เห็นความร่วมมือที่ดีเช่นนี้และผลสำเร็จที่ดียิ่งขึ้นไปต่อไปในปีหน้า"
คุณเคฑิตา ชัยศักดิ์ศิริ เจ้าของร้าน early BKK Cafe ผู้ชื่นชอบผลิตภัณฑ์รีไซเคิล กล่าวว่า "ร้าน early BKK แห่งนี้ ได้รับการออกแบบจากแนวความคิดเรื่องความยั่งยืนและการหมุนเวียนทรัพยากรเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หนึ่งในวัสดุรีไซเคิลที่คาเฟ่ของเรานำมาใช้คือ แผ่นเอ็นไวโรบอร์ดที่ผลิตจากกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีใช้แล้ว ซึ่งนำมาสร้างเฟอร์นิเจอร์หลักภายในร้านไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ รวมไปถึงผนังของร้านเรา ลูกค้าหลายท่านที่เข้ามาที่ร้านมักรู้สึกแปลกใจและให้ความสนใจ เมื่อทราบว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้มาจากการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่ม"
"การสนับสนุนผลิตภัณฑ์รีไซเคิล ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการใช้วัสดุเหลือทิ้งเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด และร้านเราเชื่อว่าการลงมือทำ แม้เพียงเล็กน้อย แต่สามารถส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต ซึ่งที่ร้าน early BKK ได้ตั้งจุดรับวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้จากคนในชุมชนและบริเวณใกล้เคียง และในอนาคตอันใกล้เราจะวางถังรับกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วจากคนในชุมชนเพื่อส่งต่อไปรีไซเคิลอีกด้วย"
ที่มา: มิดัส คอมมิวนิเคชั่น อินเตอร์เนชั่นเนล