โดยกิจกรรมการปลูกป่าครั้งนี้ จะมีการรายงานผลทุกๆ 6 เดือน ให้กับทางทีซีเอ็มซี ได้ทราบความคืบหน้า ของการเจริญเติบโตพันธุ์พืชต่างๆ ที่ได้ลงปลูกไว้ "กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมาทำกิจกรรมร่วมกันของพนักงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลก เช่นเดียวกับที่ ทีซีเอ็มซี ได้ริเริ่มการใช้เส้นใยรีไซเคิ่ลจากขยะขวดพลาสติกมาผลิตเป็นส่วนหนึ่งของพรมเมื่อเกือบสองทศวรรษที่แล้ว ทำให้ปัจจุบันบริษัทได้ช่วยโลกลดขยะขวดพลาสติกได้ถึง 920 ล้านขวด เรากำลังวางรากฐานที่สำคัญเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย Net Zero ต้นไม้ที่เราปลูกในวันนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนส่วนเกินในอีก 10% สุดท้ายในอีกหลายสิบปีข้างหน้าเพื่อให้เราถึงเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ได้ นอกจากนี้ จากผืนดินที่แห้งแล้ง จะกลายเป็นผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลากหลายพันธุ์ เป็นแหล่งอาหาร สร้างอากาศบริสุทธิ และสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรทุกภาคส่วนภายใต้โครงการ Care the Wild ปลูกป้องป่าชุมชน ขอบคุณตลาดหลักทร้พย์ที่ริเริ่มและช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ ขอขอบคุณกรมป่าไม้ที่ช่วยจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมและจัดหาต้นกล้าไม้รวมถึงการเตรียมระบบน้ำเพื่อให้มั่นใจว่าต้นไม้ที่เราปลูกวันนี้จะอยู่รอดได้ทุกต้น ขอบคุณองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ที่ช่วยสนับสนุนและให้ความรู้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และที่สำคัญขอขอบคุณคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านโคกพลวง และสมาชิกในชุมชนทุกท่านที่เป็นแรงสำคัญในการปลูกต้นไม้ในวันนี้และดูแลกล้าไม้ ทั้ง 15 ไร่ ที่จะกลายเป็นผืนป่าในอนาคต ขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่ทำให้เราทุกคนได้มีโอกาสส่งต่อโลกที่ดีขึ้น ให้แก่ลูกหลานของเราต่อๆ ไป" ปิยพร กล่าวทิ้งท้ายสำหรับโครงการปลูกป่านี้นอกจากบริษัทจะได้ใช้ carbon credit เพื่อลด carbon 10% สุดท้ายแล้ว ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของ climate change ให้แก่พนักงานขององค์กรทุกระดับ และยังช่วยให้ชุมชนโดยรอบได้พึ่งพาอาศัย ได้ใช้ประโยชน์จากป่านี้ด้วย
ที่มา: ฮิต ทู พับบลิค