นายวิทูร เลิศพนมวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด (มหาชน) (IFCG) นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 14 ปี เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ประเทศไทยมีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ รวมไปถึงการที่รัฐบาลมีนโยบายให้ต่างชาติซื้อบ้านในไทยได้ โดยมีเงื่อนไขชาวต่างชาติที่จะซื้อบ้านในไทยได้ต้องลงทุนในประเทศไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายอสังหาฯ ราคาสูงให้กับต่างชาติที่มีศักยภาพในการซื้อสูงด้วย
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในฐานะนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ โดยทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ มีความชำนาญในการวิเคราะห์ และคัดเลือกโครงการที่จะเข้าไปลงทุน ไม่ว่าจะเป็นวิเคราะห์งบการเงิน ทำเลที่ตั้ง และราคาที่เหมาะสมในแต่ละโครงการ เพื่อลดความเสี่ยง อีกทั้งยังมีตัวแทนขายอิสระ ที่ผ่านการอบรบความรู้ ความเข้าใจก่อนเสนอขายอสังหาฯ ให้กับลูกค้า
"จากการที่ทีมงานของเรามีประสบการณ์ด้านอสังหาฯมายาวนาน ทำให้เข้าใจถึงพฤติกรรมหรือความต้องการของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในอสังหาฯ เราเข้าไปแก้ Pain Point ที่ลูกค้าเจอ เราเข้าไปทำหน้าที่ในฐานะของ Investment Property Agent ช่วยคิดและจัดสรรเงินให้กับลูกค้า โดยลูกค้าที่ลงทุนกับ IFCG จะได้รับส่วนลดส่งเสริมการขาย เงินดาวน์มีผลตอบแทนราคาพิเศษ ได้รับการยกเว้นค่าส่วนกลาง และค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ อีกทั้ง มีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการ ได้รับรายได้ค่าเช่าคงที่ ตามสัญญา และที่สำคัญกรณีที่ต้องการขายต่อ IFCG มีบริการช่วยหาผู้รับซื้อต่อ ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทน 2 ต่อ ทั้งที่เกิดขึ้นจากการวางเงินดาวน์ และการขายต่อให้กับผู้รับซื้อรายใหม่"
จากการดำเนินงานตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีลูกค้าไว้วางใจ IFCG และใช้บริการกว่า 50,000 รายในปัจจุบัน มูลค่าการลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯยังผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยสารสนเทศ ISO 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่สถาบันการเงินใช้กับลูกค้า
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน IFCG มีพันธมิตรที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ นำโครงการอสังหาฯ มากกว่า 100 โครงการ เข้ามานำเสนอข้อมูลให้บริษัทฯคัดเลือกเข้าลงทุน มูลค่ากว่า แสนล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFCG กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ โดยมีแผนขยายสาขาจาก 2 แห่ง เป็น 30 แห่งภายใน 5 ปีข้างหน้า รวมถึงแผนขยายสาขาในต่างประเทศเช่น ในประเทศจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ฮ่องกง รวมถึงนำไปใช้พัฒนาเทคโนโลยีให้ดีลเลอร์ พาร์ทเนอร์ เข้าถึงทั้งในและต่างประเทศ และนำไปใช้สำหรับการขยายกิจการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าอสังหาฯ เพื่อการลงทุน ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็น Innovation Property Agent นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ
อนึ่ง IFCG ก่อตั้งบริษัท ในปี 2552 โดยนายวิทูร เลิศพนมวรรณ และนางกุลธิดา เธียรนุกุล เริ่มดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ โดยมีการพัฒนาความรู้ความสามารถ และสร้างเสริมทักษะประสบการณ์ให้แก่ตัวแทนขาย ผ่าน IFCG Academy และ เครื่องมือช่วยในการขาย iPlan Pro
ปี 2558 ก่อตั้งบริษัท ไอเอฟซีจี เวลท์ จำกัด ในรูปของ Holding เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ขยายขอบเขตการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่หลากหลายขึ้น ปี 2562 ริเริ่มธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ขยายธุรกิจไปสู่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ปี 2564 จัดโครงสร้างบริษัทเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จัดโครงสร้าง โดยมุ่งเน้นธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเป็นธุรกิจหลัก ปี 2566 บริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด มีแผนที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุนเป็นธุรกิจหลัก
ที่มา: ไออาร์เน็ตเวิร์ค