นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า การที่ LEO เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทชั้นนำด้านการดำเนินงานด้านความยั่งยืนซึ่งได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อ ESG 100 ประจำปี 2566 จากทั้งหมด 888 บริษัท/กองทุน/กองทรัสต์ใน 36 อุตสาหกรรมที่ได้รับการประเมินโดยสถาบันไทยพัฒน์ถึง 3 ปีซ้อน แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความโดดเด่นในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและมีการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและมีนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
"ที่ผ่านมา บริษัทฯ ดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล ที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม และมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมสังคม เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโครงการมอบทุนการศึกษาให้กับพนักงาน ของบริษัทฯ เพื่อเสริมสร้างทักษะและเพิ่มพูนความรู้ โครงการ 'โรงเรียนนี้เพื่อน้อง' ที่ทางบริษัทฯ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ 2 ปี โดยในปัจจุบันได้ดำเนินโครงการมาเป็นโครงการที่ 5 นักเรียนกว่า 360 คนใน 5 โรงเรียนที่อยู่ในถิ่นธุรกันดาร ได้มีอาคารเรียนใหม่ และมีอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับการศึกษา อีกทั้งทางบริษัทฯ ยังร่วมกับวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา สร้างโมเดลการศึกษาใหม่ ในโครงการมอบทุนการศึกษาเพื่อผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาการจัดการซัพพลายเชนธุรกิจ ซึ่งขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับนักศึกษาในต่างจังหวัดที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ในสาขาธุรกิจโลจิสติกส์ ให้กลายมาเป็นบุคลากรในธุรกิจโลจิสติกส์ สามารถสร้างการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับสังคมได้"
นอกจากนี้ ในฐานะที่ LEO เป็น End-to-End Logistics Services Provider ก็เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของคนไทยรายแรกที่ได้ประกาศแผนการพัฒนาธุรกิจที่จะให้บริการในลักษณะของ Green Logistics ที่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้ธุรกิจ Green Logistics ของเราสามารถแปรเปลี่ยนเป็น Carbon Credit ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการกับทาง LEO และทำให้ลูกค้าของเราได้รับการยอมรับในการดำเนินธุรกิจในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในประเทศในทวีปยุโรป หรือประเทศญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG และการลด Carbon Footprint โดยบริษัทมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรในการให้บริการขนส่งและการกระจายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV) ลดการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดมลพิษหรือก่อให้เกิดขยะ มุ่งเน้นการลดมลพิษทางอากาศจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงพัฒนาระบบการให้บริการให้อยู่ในระบบดิจิทัล เพื่อลดการสิ้นเปลืองในการใช้กระดาษ
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการประเมินข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance : ESG) ของบริษัทจดทะเบียน โดยริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2558 เป็นปีแรก และดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่เก้า ในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
ที่มา: ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์