สจล. ลงพื้นที่เกิดเหตุสะพานยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง พังถล่ม คาดสาเหตุจากอุปกรณ์ตัวร้อยคานคอนกรีต (Launcher) รับน้ำหนักไม่ไหวจึงพลิกตัว

ศุกร์ ๑๔ กรกฎาคม ๒๐๒๓ ๐๙:๔๔
ทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ประกอบด้วย รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี รศ.สุพจน์ ศรีนิล รองอธิการบดีด้านกายภาพ สิ่งแวดล้อม และทรัพย์สิน พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่สำรวจจุดเกิดเหตุ กรณีสะพานยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง พังถล่ม บริเวณหน้าโลตัสลาดกระบัง ถนนหลวงแพ่ง แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 10 ราย รถและอาคารพาณิชย์เสียหาย คาดการณ์สาเหตุมาจากลวดสลิงขาด อุปกรณ์ตัวร้อยคานคอนกรีต หรือ ลอนเชอร์ (Launcher) รับน้ำหนักไม่ไหวจึงพลิกตัว ทำให้พื้นทางคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการติดตั้งหลุดจากหัวเสาตอม่อถล่มลงมา พร้อมข้อเสนอแนะป้องกันปัญหา

ในวันเกิดเหตุ 10 ก.ค. 66 เวลา 18.08 น. เป็นช่วงที่คนเลิกงานกำลังเดินทางกลับบ้าน ในที่เกิดเหตุเป็นโครงการก่อสร้างทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง ได้พังครืนทั้งตัวคานและเสาทรุดลงมาจากความสูงประมาณ 20 เมตร ทำให้เศษซากคอนกรีต โครงเหล็ก ตัวคาน เสาหล่นทับรถที่ผ่านไปมาบริเวณถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้การจราจรติดขัดเป็นพื้นที่กว้างจากการพังถล่มเป็นทางยาวกว่า 300 เมตร เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้าตัดกระแสไฟฟ้าและเคลียร์สายไฟเพื่อให้รถเครนสามารถเข้าไปเคลียร์พื้นที่

รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety) เป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐและเอกชนทุกภาคส่วนต้องตระหนักและปฏิบัติตามหลักวิศวกรรมความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนภาพลักษณ์อันดีของประเทศไทย เหตุการณ์แบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้น สาเหตุที่แน่ชัดของสะพานพังถล่มที่ย่านลาดกระบังยังต้องรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จากการคาดการณ์เบื้องต้น สาเหตุความเป็นไปได้มีหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากตัวโครงเหล็กที่ยึดกับตอม่อสะพานเอียง แล้วล้มลงไปทางด้านซ้าย ทำให้ตัวโครงสร้างเหล็กสีฟ้า ที่เรียกว่า 'ลอนเชอร์' (Girder Launcher Crane) ที่ใช้ร้อยคานคอนกรีต ซึ่งทำหน้าที่นำเอาคานคอนกรีตหลายชิ้นมาต่อเรียงกันแล้วร้อยด้วยลวดสลิง ขณะกำลังดึงลวดสลิงนั้นเกิดเสียงดังลั่นคล้ายระเบิด จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีลวดเส้นใดเส้นหนึ่งขาด แล้วเกิดแรงสั่นไหวทำให้ตัวร้อยคานคอนกรีต (Girder Launcher Crane) ซึ่งตั้งอยู่บนหัวเสาสะบัดแรงพลิกตัวหักลง และด้วยน้ำหนักที่มากส่งผลให้ตอม่อทั้ง 2 ข้างบิดรุนแรง โดยชุดหนึ่งโค่นลง และตอม่ออีกชุดหนึ่งฉีกขาดออกจากกัน ทำให้โครงสร้างคานคอนกรีตที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์พังทลายลง

รศ. สุพจน์ ศรีนิล รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ความจำเป็นเร่งด่วนขณะนี้ คือการประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างที่ได้รับความเสียหายมาก เพื่อมิให้เกิดการพังถล่มต่อเนื่อง ข้อควรระมัดระวังในการเคลียร์พื้นที่ตอนนี้ คือ สะพานลงมาอยู่ที่ชั้นพื้นดินแล้ว ห้ามคนเข้าไป ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญมาตัดตัวสะพานเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยยกออก ถึงจะดำเนินการต่อไปได้ ส่วนการตรวจสอบหาสาเหตุในรายละเอียดที่ต้องทำ เช่น ควรตรวจสอบการเสริมเหล็กกับคอนกรีต เนื่องจากในการออกแบบ ต้องออกแบบเผื่อ 'การบิดตัว' ซึ่งการบิดตัวที่กล่าวถึง เกิดจากตัวสะพานไม่อยู่ในจุดส่วนกลาง แต่เบี่ยงไปทางซ้าย พอเบี่ยงไปทางซ้าย ทำให้ตอม่อบิดไปด้วย จนเกิดการขาดของตอม่อ หลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบว่า อุปกรณ์เครื่องมือไม่มีความพร้อมหรือไม่ เพราะปกติการก่อสร้างสะพานก็ใช้วิธีนี้ เป็นทำทั่วไป แต่เพราะอะไรโครงยึดถึงเอียงตัวได้ อาจต้องไปตรวจสอบถึงการดีไซน์เสาตอม่อเสริมเหล็กเป็นอย่างไร เพราะขาดหลุดไปเลย ความบางความหนาไม่เกี่ยวกัน ขึ้นกับความแข็งแรงของการเสริมเหล็ก สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารที่อยู่อาศัยโดยรอบ ต้องใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 2-3 สัปดาห์      

ส่วนข้อสังเกตเรื่องชั้นดินนั้น รศ. สุพจน์ ศรีนิล  อธิบายว่า เสาเข็มที่รับตอม่อเป็นเข็มยาว 60 เมตร ถึงชั้นดินแข็ง เรื่องการบกพร่องของเข็มโดยทั่วไปจะมีการทดสอบก่อน แม้โอกาสที่จะเกิดปัญหาที่ชั้นดินมีน้อยแต่ก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบอีกเช่นกัน ทั้งนี้ยังเป็นการวิเคราะห์เบื้องต้นและคาดการณ์ตามหลักวิศวกรรมเท่านั้น

ผศ. ดร. อาทิตย์ เพชรศศิธร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกายภาพ สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สจล. กล่าวสรุปถึงข้อเสนอแนะจาก สจล. ว่า หน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างต่างๆ ควรดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง โดยให้ผู้รับจ้างปฏิบัติตามแผนปฏิบัติงานความปลอดภัยในการก่อสร้างและควรต้องรายงานผลการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยดังกล่าวให้กับเจ้าของโครงการรับทราบตามรอบระยะเวลาที่กำหนด ในขณะที่ผู้ประกอบการ หรือผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ควรจัดทำแผนปฏิบัติงานความปลอดภัยในการทำงานอย่างละเอียดและชัดเจน มีวิศวกรควบคุมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างนั้นๆ ประจำอยู่ในสถานที่ก่อสร้างตลอดระยะเวลาที่มีการก่อสร้าง และควรจัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้กับพนักงานทุกคนอย่างสม่ำเสมอ

ที่มา: เบรนเอเซีย คอมมิวนิเคชั่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ