ตลอดการจัดงาน TBTHK ทั้งสองวันสามารถดึงดูดนักธุรกิจได้มากกว่า 2,000 รายจาก 8 ประเทศในอาเซียนและประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงสมาคมและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศ และต่างประเทศ สิ่งนี้แสดงถึงความสนใจของกลุ่มนักธุรกิจชาวไทยที่มีต่อฮ่องกงในฐานะประตูเศรษฐกิจที่สำคัญเพื่อขยายการดำเนินธุรกิจไปสู่ระดับโลก งานแสดงสินค้าครั้งสำคัญนี้ยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจ การพัฒนาที่ล้ำหน้า ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง ตลอดจนบทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางธุรกิจชั้นนำในระดับนานาชาติ
กิจกรรมไฮไลท์วันแรก เปิดฉากด้วยงานเลี้ยงเอ็กซ์คลูซีฟ Hong Kong Night รวบรวมผู้นำทางธุรกิจทั้งจากไทย ฮ่องกง และทั่วอาเซียน มาร่วมสังสรรค์เพื่อสร้างเครือข่ายและโอกาสทางธุรกิจ โดยได้รับเกียรติจาก Dr. Peter K N Lam ประธานองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง กล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน ร่วมกับ Mr. Algernon Yau รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง และ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ
Dr Lam กล่าวในสุนทรพจน์ว่า "เราภูมิใจนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์สู่กรุงเทพฯ พร้อมนำผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกทั้งในเรื่องe-commerce ความยั่งยืน และบรรษัทภิบาล (ESG) ตลอดจนอนาคตของธุรกิจค้าปลีกผ่านการเสวนา (Trade Talks) ซึ่งทุกหัวข้อกำลังอยู่ในความสนใจของนักธุรกิจชาวไทย ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยโมเดล BCG ในประเทศอย่างชัดเจน ฮ่องกงพร้อมทำหน้าที่เป็นประตูเชื่อมระหว่างเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) และภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเขตเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้จะมอบโอกาสมากมายแก่นักธุรกิจชาวไทย ตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและฮ่องกงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น"
Mr Yau กล่าวถึงการติดต่อค้าขายระหว่างฮ่องกงและไทยซึ่งยาวนานต่อเนื่องมาตลอดหลายปี จนเกิดเป็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตร่วมกัน ทั้งยังเน้นย้ำถึงจุดแข็งของฮ่องกงที่มีหลักการหนึ่งประเทศ-สองระบบ ว่า "ด้วยการผสานจุดแข็งทั้งหมดของเรา ทำให้ฮ่องกงสามารถเชื่อมโยงนักลงทุนทั่วโลกด้วยโครงการที่มีศักยภาพสูงร่วมกับยุทธศาสตร์ 'หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง' (Belt and Road) พร้อมส่งเสริมความร่วมมือและการพัฒนานวัตกรรมภายในเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) อย่างเต็มรูปแบบ"
ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า "เห็นได้ชัดว่ากรุงเทพฯ และฮ่องกงคือสองมหานครแห่งความเจริญรุ่งเรืองของเอเชีย ซึ่งแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์และข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าการที่เราจะแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้นั้น จำต้องอาศัยการประสานความร่วมมือกัน ด้วยการผสานทั้งจุดแข็ง ความเชี่ยวชาญ และทรัพยากรทั้งจากภาครัฐบาล เอกชน และสาธารณชน เพื่อให้เราสามารถสร้างโอกาสใหม่ ๆ อีกมากมายและส่งเสริมระบบนิเวศธุรกิจให้สามารถดึงดูดการลงทุน ขับเคลื่อนนวัตกรรม และรองรับอุตสาหกรรมอุบัติใหม่ในภูมิภาคได้อย่างดีเยี่ยม"
งานครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยค้นพบโอกาสทางธุรกิจจากผลิตภัณฑ์และบริการไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่มีคุณภาพ จากผู้จัดแสดงสินค้าของฮ่องกงกว่า 120 รายภายในงาน โดยงานแสดงสินค้าครั้งนี้ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการหลายประเภท ทั้งสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ สุขภาพและการดูแลสุขภาวะ บ้านและที่อยู่อาศัย ของเล่นและสิ่งประดิษฐ์ ตลอดจนโซลูชันเมืองอัจฉริยะ ซึ่งมากกว่า 80% ถือเป็นสินค้าใหม่สำหรับตลาดเมืองไทย
งานครั้งนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่ผู้จัดแสดงสินค้าชั้นนำของฮ่องกงอย่าง EDIT & EDITECTURE มาร่วมงาน และถือเป็นการเปิดตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการ โดย Ms Jacqueline Chak ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการบริษัทซึ่งให้ความสำคัญกับงานตกแต่งภายในและสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน กล่าวว่าบริษัทมาร่วมงานครั้งนี้เพื่อแสวงหาโอกาสการสร้างเครือข่ายธุรกิจและค้นพบพันธมิตรที่มีศักยภาพรายใหม่ ๆ "ความสำเร็จจากการร่วมงานครั้งนี้เหนือความคาดหมายของเราจริง ๆ เพราะมีผู้ที่สนใจในธุรกิจของเราเป็นจำนวนมาก แม้จะไม่ใช่ผู้ที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมงานออกแบบก็ตาม อย่างธุรกิจเมกอัปและการก่อสร้าง เป็นต้น โดยมีผู้เข้าร่วมงานรายหนึ่งเล่าว่าเขาติดตามงานเราจากต่างประเทศ แต่ไม่เคยเข้าถึงสินค้าของเราเลยเนื่องจากค่าขนส่งสินค้าที่แพงมาก ดังนั้น เราจึงรู้สึกดีใจมากที่เราได้มาเยือนและทำธุรกิจได้โดยตรงที่ประเทศไทยในที่สุด"
- DUCK แบรนด์สินค้าสัญชาติฮ่องกงและเป็นหนึ่งในคาแรกเตอร์ชื่อดังที่ขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในจีนแผ่นดินใหญ่ ก็ได้เข้าร่วมแสดงสินค้าในครั้งนี้ โดยรสสุคนธ์ เลิศวิลัย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า "แบรนด์ของเราได้รับความสนใจจากนักธุรกิจจำนวนมาก ซึ่งเรามองหาพันธมิตรและโอกาสใหม่ ๆ ในเมืองไทยอยู่เสมอ"
บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เป็นเครือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งเปิดดำเนินงานมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 โดยเมธินี สุรพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าวถึงงานครั้งนี้ว่า "นับเป็นครั้งแรกที่เราได้มาร่วมงานแสดงสินค้ารูปแบบนี้และรู้สึกประทับใจมาก เพราะในฐานะผู้ซื้อ เราต้องการหาแนวทางการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งการค้นหาซัพพลายเออร์ในประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราจึงยินดีที่มีโอกาสมาร่วมงานครั้งนี้และได้พบกับพันธมิตรที่มีศักภาพสูงมากมาย"
อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญในงานแสดงสินค้าครั้งนี้คืองานเสวนา (Trade Talks) ซึ่งจัดขึ้นในหลากหลายหัวข้อครอบคลุมทั้งเรื่องธุรกิจค้าปลีก เทคโนโลยี การจดทะเบียนธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ และการขนส่งสินค้าข้ามพรหมแดน รวมถึงความยั่งยืน และบรรษัทภิบาล (ESG) โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ องค์กร และบริษัทด้านนวัตกรรมที่มีชื่อเสียง มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกตลอดสองวันของการจัดงาน
โดยในระหว่างงานเสวนาหัวข้อ Innovating the Future of Retail - Empowering Business with Technology หนึ่งในผู้บรรยาย Mr. Anson Balley ผู้อำนวยการฝ่ายผู้บริโภคและธุรกิจค้าปลีกประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแห่ง KPMG China ได้ชี้ถึงประเด็นที่ว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะกลายเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกมากที่สุด อีกทั้งฝ่ายงานอย่างการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) การจัดอีเวนต์เสมือนจริง โมเดลวัตถุเสมือนจริง แฟชั่นและบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน จะกลายเป็นยุคใหม่ของการดำเนินงานสำหรับบริษัทต่าง ๆ ในไม่ช้านี้
"ทุกสิ่งจะเชื่อมต่อกันในอนาคต และหากเราพิจาณาอุปกรณ์ IoT ในช่วง 2 ปีข้างหน้า จะพบว่ามีอุปกรณ์ราว 31 พันล้านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกัน ดังนั้น ทุกสิ่งจะเชื่อมโยงกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"
เพื่อเน้นย้ำถึงไลฟ์สไตล์ที่สนุกสนาน ตลอดจนผลิตภัณฑ์และแฟชั่นที่โดดเด่นด้านการออกแบบที่มีความหลากหลายของฮ่องกง ทาง HKTDC ได้ร่วมมือกับกลุ่มผู้ค้าและร้านอาหารที่ทำธุรกิจกับฮ่องกงในการจัดโปรโมชั่นพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อมอบข้อเสนอมากมายให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม โดยมีผู้ค้าชื่อดังเข้าร่วมโครงการมากมาย อาทิ Kam's Roast, Maxim's, City Chain เป็นต้น และด้วยการร่วมมือกับ LINE MAN แพลตฟอร์มผู้ให้บริการส่งอาหารชั้นนำของเมืองไทย ร้านอาหารสไตล์ฮ่องกงจำนวนมาก จึงพร้อมยกทัพมามอบข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟแก่ลูกค้าตลอดเดือนนี้ด้วยเช่นกัน
ที่มา: มิดัส พีอาร์