สตาร์บัคส์ พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารเช้า ที่เปี่ยมด้วยคุณประโยชน์ ให้คุณพร้อมเริ่มวันใหม่ด้วยความอิ่มกายและอิ่มเอมใจ กับเมนู เดนิชไข่ดาวไส้กรอก (Smoked Sausage Egg Danish) แป้งเดนิชหอมกลิ่นเนย ท๊อปด้วยไข่ดาว ไส้กรอกหมูรมควัน และหมูสับปรุงรส ด้านในทาด้วยซอสครีสเห็ดทรัฟเฟิล หอมอร่อยอย่างลงตัว ตามด้วยเมนู แซนด์วิชเบคอน แฮม และชีส (Smoked Bacon Ham Cheese Sandwich) ขนมปังโชกุปังหอมกลิ่นเนย สอดไส้สโมคเบคอน แฮมหมู และเชดด้าชีส เพิ่มรสชาติด้วย มายองเนสและซอสศรีราชุบ ซึ่งคือการผสมซอสพริกศรีราชากับซอสมะเขือเทศ ให้รสชาติหวาน เปรี้ยว เผ็ดเข้ากันได้ดี ตอบโจทย์สายสุขภาพ ด้วยเมนูโลว์คาร์บ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อวัน อย่าง แร๊พไข่ไส้แฮมชีส (Low carb Ham Cheese Egg Wrap) แผ่นไข่สอดไส้ปารีสแฮม และชีส 2 ชนิดได้แก่ เชดด้าและมอซซาเรลล่า เพิ่มรสชาติด้วยน้ำสลัดซีซ่าร์รสกลมกล่อม เสิร์ฟความอร่อยไปพร้อมกับคาร์โบไฮเดรตเพียงแค่ 3% ให้คุณได้ลิ้มรสความอร่อยที่ดีต่อสุขภาพ สตาร์บัคส์ใส่ใจสุขภาพของลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยเมนู มัฟฟินกล้วยหอมวอลนัทสูตรวีแกน (Vegan Banana Walnut Muffin) มัฟฟินกล้วยหอม เนื้อสัมผัสแป้งนุ่ม กรุบกรอบด้านบนด้วยถั่ววอลนัท หอมกลิ่นกล้วยหอมและถั่วอ่อนๆ โดยใช้นมถั่วเหลืองแทนส่วนผสมของนมวัวหรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากเนื้อสัตว์ ส่งมอบความอร่อยเคียงคู่ไปกับเมนูขนมอย่าง แอปเปิ้ลซินนามอน ฟิงเกอร์ (Apple Cinnamon Finger) แป้งพัฟสอดไส้แอปเปิ้ลบด น้ำตาล ซินนามอนผิวบางกรอบเรียงเป็นชั้น ด้านบนโรยด้วยน้ำตาลและซินนามอน ให้รสชาติที่หวานกลมกล่อมและมีกลิ่นหอมจากซินนามอน (มีจำหน่ายเฉพาะร้านที่มีสินค้าเบเกอร์รี่อบสด) และเพื่อต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ สตาร์บัคส์ ได้ส่งมอบความสุขผ่านขนมไหว้พระจันทร์ที่มีให้เลือกสรรถึง 11 รสชาติ โดยในปีนี้ได้เพิ่ม 3 รสชาติใหม่นอกเหนือจาก 8 ไส้ยอดนิยม ได้แก่ ไส้มันม่วง, ส้มยูซุ และซอล์ทเท็ดคาราเมล โดยขนมไหว้พระจันทร์จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ วันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2566 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทาง Mobile Order-ahead & Pick Up at Store และเดลิเวอรี่บน Starbucks(R) TH app สำหรับช่องทาง LINE MAN เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2566
สำหรับคอกาแฟ สตาร์บัคส์ ชวนดื่มด่ำรสชาติแห่งความสุนทรีไปกับเมล็ดกาแฟคุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดี อย่าง สตาร์บัคส์ โวยาจ เบลนด์ 2023 (Starbucks Voyage Blend(TM) 2023) กาแฟที่เด่นชัดด้วยรสชาติของน้ำเกรปฟรุ๊ต และเฮเซลนัทย่าง โดยเกิดจากการเบลนด์และคั่วเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถันจากสามแหล่งเพาะปลูกอย่างบราซิล เกาะสุมาตราทางตะวันตก และแซมเบีย บรรจุในแพ็คเกจที่บอกเล่าการเดินทางของกาแฟจากสามแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกัน ข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ได้ด้วยฝีพายทั้งสามคนในเรือที่เปรียบเสมือนชาวไร่กาแฟ ลูกค้า และพาร์ทเนอร์ของสตาร์บัคส์ ผู้ซึ่งทำให้กาแฟนี้ถือกำเนิดขึ้นได้ สะท้อนการเดินทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน อีกทั้งยังมี สตาร์บัคส์ ม่วนใจ๋ เบลนด์ (Starbucks Muan Jai Blend) การผสมผสานระหว่างเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าชั้นดีจากประเทศไทยและหมู่เกาะอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิก ให้รสชาติหนักแน่น นุ่มลึกและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นพร้อมกรุ่นกลิ่นไอดิน โดยรายได้ 5 เปอร์เซ็นต์จากการจำหน่ายกาแฟม่วนใจ๋ เบลนด์ ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศในเอเชีย จะนำไปใช้ปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวไร่กาแฟทางเหนือของไทย และกาแฟในกลุ่ม Starbucks Reserve(TM) ที่ได้รับการเอาใจใส่ในทุกขั้นตอนการคั่วกาแฟอย่างพิถีพิถันจากแหล่งเพาะปลูกชั้นเลิศอย่าง สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ โคลอมเบีย พิตาลิโต พิงค์ เบอร์บอน (Starbucks Reserve Colombia Pitalito Pink Bourbon) กาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์ พิงค์ เบอร์บอน จาก "วีลา" ประเทศโคลอมเบีย มีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติ โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของไวท์ พีชและพิงค์ เกรปฟรุ๊ต ทำให้กาแฟฟสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์หายากและเป็นที่ต้องการของตลาด กาแฟนี้ เป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจของสตาร์บัคส์ที่ได้นำเสนอกาแฟที่มีความหอมหวาน รสชาติอันซับซ้อนและหาได้ยากนี้
สตาร์บัคส์ พร้อมเปิดตัวดริ๊งก์แวร์คอลเล็กชันใหม่ในคอนเซ็ปต์ "Summer Field" ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทุ่งดอกไม้ป่า ด้วยการนำลวดลายของดอกไม้เล็กๆ สลับกับดอกไม้ใหญ่มาเป็นดีไซน์หลัก โดยเน้นโทนสีอ่อนในเฉด สีเหลือง สีม่วง และสีขาว ให้ลูกค้าได้เลือกสรรทั้งในรูปแบบแก้ว ทัมเบลอร์ เสื่อสำหรับ Picnic และ Brewing set คอลเล็กชัน "Summer Field" จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ สตาร์บัคส์พร้อมต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ แนะนำดริ๊งก์แวร์ในคอลเล็กชัน Mid-Autumn ที่มาในคอนเซ็ป "Super Moon and The Bunny" โดยนำสัญลักษณ์วันไหว้พระจันทร์อย่างกระต่าย และ ดวงจันทร์มาใช้ในการดีไซน์ ซึ่งในปีนี้ได้เพิ่มความพิเศษโดยเน้นดวงจันทร์ให้มีขนาดที่ใหญ่ตรงกับคอนเซ็ปท์ Super Moon และใช้ฟรอยด์สีทองในการตกแต่ง เพื่อเพิ่มความหรูหรา โดยคอลเล็กชัน Mid-Autumn เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป
ที่มา: ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์