นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บล.ทิสโก้มองการเมืองไทยกำลังเดินทางมาถึง "จุดไคลแม็กซ์" คาดว่าการโหวตเลือกนายกฯ จะจบได้ภายในเดือนนี้ และมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศได้ในช่วงต้นเดือนหน้าเป็นอย่างเร็ว ในกรณีฐาน บล.ทิสโก้ประเมินพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว (เพื่อให้การโหวตเลือกนายกฯ ประสบความสำเร็จ) คาดจะกระตุ้น ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ตอบสนองในทางบวกด้วยการปรับตัวขึ้น แต่โอกาสปรับขึ้น (Upside) น่าจะจำกัดที่บริเวณ 1,580-1,600 จุด เนื่องจากจะมีความเสี่ยงการชุมนุมทางการเมือง
ทั้งนี้ ในอดีตการชุมนุมทางการเมืองมักกดดันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะกระทบมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการชุมนุมว่าจะยืดเยื้อและบานปลายเพียงใด จากการศึกษาความเคลื่อนไหว SET Index ในอดีตช่วงที่มีม็อบ 4 ครั้งล่าสุด (ม็อบพันธมิตรฯ, ม็อบนปช., ม็อบกปปส. และแฟลชม็อบ) มักจะปรับตัวลงเฉลี่ยประมาณ -4% ซึ่งแย่กว่าตลาดหุ้นโลกในช่วงเวลาเดียวกันที่เฉลี่ยเคลื่อนไหวทรงตัว +0.1%
อย่างไรก็ตาม บล.ทิสโก้ตั้งข้อสังเกตการชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบันอาจไม่มีน้ำหนักกดดันตลาดเหมือนในอดีต จาก 3 ปัจจัยคือ 1. ม็อบในปัจจุบันขาดแกนนำ เพราะแกนนำม็อบในอดีตหลายท่านกลายมาเป็น ส.ส.ของพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน 2. การชุมนุมในระยะหลัง ภายหลังการทำรัฐประหารในยุค คสช. เป็นต้นมา ส่วนใหญ่เป็นการรวมกลุ่มในสถานที่หนึ่งแบบฉับพลัน หรือที่เรียกว่า "แฟลชม็อบ" มีการรวมตัวกันเป็นระยะ เป็นจุด ๆ ไม่ยืดเยื้อ และ 3. ราคาหุ้นปัจจุบันได้ซึมซับความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองไปแล้วในระดับหนึ่ง สะท้อนจาก SET Index หลังผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 2 เดือนเศษยังต่ำกว่าช่วงก่อนเลือกตั้งอีก และต่างชาติขายสุทธิมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2566 อิงจากประมาณการกำไรสุทธิของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) จำนวน 146 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.ค.) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 77% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดโดยรวม (นับเฉพาะบจ.ที่อยู่ใน SET ไม่รวม mai) คาดจะลดลง -29% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และ -12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) อยู่ที่ 1.66 แสนล้านบาท การลดลง YoY มาจากฐานกำไรไตรมาส 2/2565 ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนั้นเฉลี่ยอยู่สูงถึง 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล, การส่งออกไทยขยายตัวระดับ 2 หลัก, การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง ส่วนการลดลง QoQ มาจากปัจจัยฤดูกาลที่กำไร Q2 มักเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และคาดว่าจะมีรายการพิเศษจากปรับลดมูลค่ายุติธรรมตามสภาวะตลาดหุ้นและจากกรณีหุ้น STARK
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการในไตรมาสนี้ถือว่ามีสัญญาณที่ดี มีโอกาสงบจะดีกว่าคาด ประเดิมจากหุ้นกลุ่มธนาคารทั้ง 7 แห่งที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.ทิสโก้รายงานงบไตรมาส 2/2566 ออกมาในช่วงกลางเดือนที่แล้วรวมมีกำไรสุทธิดีกว่า บล.ทิสโก้และตลาดคาด 7% และ 5% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นบางตัวในภาคอุตสาหกรรมที่แท้จริง (Real Sector) ที่ออกงบมาแล้วในช่วงปลายเดือนที่แล้ว ภาพรวมดีกว่าตลาดคาดประมาณ 5% ทำให้บล.ทิสโก้มองบรรยากาศการลงทุนโดยรวมในเดือนนี้น่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรงบเป็นรายตัวหล่อเลี้ยง
โดยสรุป บล.ทิสโก้มอง SET Index เดือนสิงหาคม มีโอกาสขยับขึ้นจากความชัดเจนทางการเมือง และอานิสงส์การจัดงาน Thailand Focus สำหรับประเด็นหุ้นน่าเลือกลงทุนในเดือนนี้จะเน้นหุ้นที่คาดงบไตรมาส 2 จะออกมาดี และโมเมนตัมกำไรยังดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง (บางตัวจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลด้วย) หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือน สิงหาคม คือ ADVANC, BEM, COM7, HANA, III, PLANB, SCB และ SPA ด้านแนวรับสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,515-1,520 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,480-1,500 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,570-1,580 จุด และ 1,600-1,620 จุด ตามลำดับ
ที่มา: หลักทรัพย์ ทิสโก้