จากข้อมูลที่เอปสันได้ทำการสำรวจ Climate Reality Barometer ในปี 2565 ที่ผ่านมา ในทุกภูมิภาคทั่วโลกที่เอปสันได้เข้าไปทำธุรกิจ เพื่อศึกษาถึงระดับการตื่นตัวของผู้คนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยมีนัยสำคัญอยู่ที่ผู้คนทั่วโลกยกระดับความกังวลต่อผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันเทียบเท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งเกิดความพยายามส่วนบุคคลในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ด้วยการปรับ เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองให้สอดคล้องกับวิถีความยั่งยืน
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "จากผลสำรวจจะเห็นได้ว่าผู้คนตะหนักถึงปัญหาและพยายามปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อโลกที่ยั่งยืน นำมาซึ่งแคมเปญ 'Make The Switch' ที่รณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันแชร์ไอเดียร่วมกันบนโซเชียลมีเดียผ่าน #MakeTheSwitch และ #MakeTheSwitchTH ในการ 'เปลี่ยน' การใช้ชีวิตประจำวันเพียงเล็กน้อย แต่มีส่วนช่วยประหยัดพลังงานได้ อาทิ การทานอาหารเมนูที่ไม่ใช้พลังงานในการปรุง การนำแก้วพลาสติกใช้แล้วมาดีไซน์ให้เป็นของตกแต่ง การเปิดม่านรับแสงธรรมชาติแทนการเปิดไฟในตอนกลางวัน ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการขานรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว 'Environmental Vision 2050' ของไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่นอีกด้วย"
"เอปสันเชื่อว่าพวกเราทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อคนรุ่นหลัง ต้องร่วมกันทำให้โลกนี้ดีขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหมือนดีเอ็นเอของเอปสัน ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นำมาซึ่งเทคโนโลยีและโซลูชั่นใหม่ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยน แปลงที่ดีขึ้นให้กับโลก เช่น การพัฒนาเทคโนโลยี Heat-Free ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ถึง 85% และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 85% และในปีนี้จะมีกิจกรรมอื่นๆ ภายใต้แคมเปญ 'Make The Switch' ออกมาทางช่องทางต่างๆ อีกมากมาย เพื่อส่งต่อไอเดียการ 'เปลี่ยน' ออกสู่นอกองค์กรไปยังลูกค้าอีกด้วย" นายยรรยง กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: พีอาร์พีเดีย