นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีความเสถียรภาพสูงสุดทั่วประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ว่า จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 ที่มีรายได้รวม 628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท หรือ 13% และมีกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท หรือ 16% จากไตรมาส 1/2566
โดยล่าสุดวันนี้ (15 สิงหาคม 2566) บริษัทฯ ได้รับงานใหม่จาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในโครงการพัฒนาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม กลุ่มที่ 5 (ภาคใต้) หรือ โครงการ Course Online มูลค่า 297,208,550 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ขณะเดียวกัน เริ่มต้นไตรมาส 3/2566 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับงานโครงการจัดหาบริการเช่าคู่สายวงจรสื่อสารข้อมูลประเภท MPLS (Primary Link) และอุปกรณ์ Router และ Switch สำหรับธนาคารกรุงไทย โดย บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด ระยะที่ 2 มูลค่า 107,154,716 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลา 2 ปี 11 เดือน สัญญาเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2569 โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการต่อเนื่องที่บริษัทฯ ให้บริการมาแล้วตั้งแต่ปี 2563
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ ได้งานติดตั้งโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) โดยเป็นงานติดตั้ง Solar Cell สำหรับสถานีฐาน และเสาโทรคมนาคมในพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑล, ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 4,224 Site รวมมูลค่างานทั้งสิ้นประมาณ 334 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีระยะเวลาดำเนินการโครงการ 240 วัน
"งานใหม่ที่ ITEL ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า จะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 เติบโตได้ต่อเนื่อง และผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวม เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งยังทำให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มมากขึ้น" นายณัฐนัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นให้บริการลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าใหม่ และฐานลูกค้าเก่าอย่างเต็มที่ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และต่อยอดความสำเร็จในการขยายบริการเพิ่มเติมตามแผนกลยุทธ์ New S-Curve และพร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี Digital Transformation ด้วยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมายกระดับการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ให้สามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเทรนด์เทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยอาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่ายที่เหนือระดับ ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า สร้างรายได้เติบโต และคาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมปีนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตามเป้าหมายที่วางไว้
ที่มา: ไออาร์ พลัส