นายจิรายุ เชื้อแย้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการบริหาร OTO กล่าวว่า "ผลขาดทุนในไตรมาส 2/2566 เป็นผลมาจากการลดลงของราคาหุ้นในพอร์ตลงทุนระยะสั้นที่ลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นหลัก ในขณะที่ผลประกอบการของธุรกิจ call center ยังสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมียอดเงินสด ณ วันสิ้นงวดอยู่ที่ 693 ล้านบาท และปราศจากหนี้สินทางการเงิน
ด้านแผนการดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทฯ จะยังคงแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจต่อไป และมุ่งเติบโตธุรกิจ call center โดยจะมีการขยายไปทางด้าน Outbound Call มากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของการให้บริการ Call Center"
ทั้งนี้ปัจจุบันรายได้หลักของ OTO มาจากการจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หรือ Call Center โดยคิดเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ 1.)การให้บริการบริหารจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ (Fully Outsourced Contact CenterManagementService) มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 71.74% 2.)การให้บริการจัดหาลูกค้าสัมพันธ์ (CustomerService RepresentativeOutsourced) มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 22.40% 3.)การให้บริการระบบศูนย์บริการให้ข้อมูล และอุปกรณ์ (Contact Center Facility Outsourced) มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 4.13% และ 4.)การให้บริการบำรุงรักษาศูนย์ให้บริการข้อมูล (MaintenanceService) มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 1.73%
ที่มา: บางกอก ออทัม