ASIAN แย้มครึ่งปีหลังธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งเริ่มเห็นสัญญาณบวก เน้นรักษาอัตรากำไรขั้นต้น 10-11% พร้อมมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บ./หุ้น

พุธ ๒๓ สิงหาคม ๒๐๒๓ ๐๘:๕๗
'บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN' เผยผลงานไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก 2566 มีความท้าทาย เหตุธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่เยือกแข็งยังคงกระทบปัญหาสต็อกสินค้า และจากกำลังซื้อผู้บริโภคในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และยุโรปฟื้นต้วช้ากว่าคาด ครึ่งปีหลังมีมุมมองบวกจากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งที่มีแนวโน้มดีขึ้น ลุยปรับแผนตามสถานการณ์ เน้นรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 10-11% พร้อมย้ำฐานะการเงินแข็งแรง ด้านบอร์ด มีมติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง อาหารสัตว์น้ำ ทูน่า และอาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้าและของตนเอง เปิดเผย ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 มีรายได้ 2,338 ล้านบาท ลดลง 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2,810 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งมียอดขายต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลต่อผลประกอบการโดยรวมของกลุ่ม ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 16 ล้านบาท ลดลง 94 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 264 ล้านบาท ผลมาจากยอดขายที่ลดลง

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 4,610 ล้านบาท ลดลง 18.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5,647 ล้านบาท สาเหตุหลักจากปริมาณการขายอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและอาหารสัตว์ที่ลดลงไป 41% และ 28% ตามลำดับ โดยปริมาณการขายอาหารทะเลแช่เยือกแข็งอยู่ที่ 4,369 ตัน และอาหารสัตว์อยู่ที่ 14,081 ตัน แต่ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญถึง 22% ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้มีความต้องการสินค้าของบริษัทเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ครึ่งปีแรก 2566 อยู่ที่ 66 ล้านบาท ลดลง 87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 513 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงมาอยู่ในระดับ 10.3% จากเดิมอยู่ที่ 18.1% โดยมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.08 บาท/หุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.63 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดจำนวน 65.13 ล้านบาท คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ในวันที่ 8 ก.ย. 2566 โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 25 ส.ค. 2566 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจและมั่นใจ แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารคนและสัตว์เลี้ยงในระยะยาวยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

"ต้องยอมรับว่าการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีแรก 2566 มีความท้าทายหลายอย่างมาก ตั้งแต่การบริโภคที่ฟื้นตัวของตลาดหลักในสหรัฐและยุโรปยังน้อย ส่วนจีนเศรษฐกิจก็ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงต่อเนื่องซึ่งมีผลต่อต้นทุนทางการเงินในการทำธุรกิจ อีกทั้งต้นทุนการผลิตสินค้ายังเพิ่มสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มและค่าไฟฟ้าที่สูงซึ่งมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลก นอกจากนั้นภาคการเกษตรไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรงจากภาวะเอลนีลโญ" นายเอกกมล กล่าว

อย่างไรก็ดี หากมองเป็นประเภทธุรกิจ ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งมีสัดส่วนยอดขายสูงสุดในกลุ่ม ASIAN มีปริมาณการขาย 14,081 ตัน ลดลง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 19,669 ตัน ทำให้กระทบต่อรายได้หลักทั้งหมด จากสาเหตุคำสั่งซื้อที่สหรัฐและยุโรปลดลงเพราะปัญหาสินค้าล้นสต็อกมาตั้งแต่ปลายปีก่อน อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้คาดว่ายอดขายอาหารสัตว์ปี 2566 จะลดลง 24% หรือมียอดขาย 4,700 ล้านบาท แต่สำหรับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทเอง ได้แก่ Monchou, Hajiko และ Pro ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะยอดขายเติบโตขึ้นกว่า 10% แม้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยจะมีการแข่งขันทางกิจกรรมทางการตลาดที่รุนแรง และมีแบรนด์ใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้นก็ตาม

สำหรับธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง แม้การส่งออกจะดีขึ้นในไตรมาส 2 ทั้งสหรัฐ ยุโรป และอิตาลี แต่ยอดขายในประเทศลดลงจึงส่งผลต่อปริมาณการขายโดยรวมลดลงมาอยู่ที่ 2,483 ตัน ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,603 ตัน ประกอบกับยังมีปัญหาการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกและราคาพลังงานที่สูง ทำให้ปริมาณการส่งออกอาหารทะเลครึ่งปีแรกอยูที่ 4,369 ตัน ลดลง 41% จากช่วงเดียกันปีก่อน 7,409 ตัน จึงประเมินว่า การส่งออกอาหารทะเลแช่เยือกแข็งปี 2566 จะลดลง 15-16% จากปี 2565

ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำจากที่บริษัทฯ มีการปรับปรุงคุณภาพอาหารกุ้งมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน ทำให้ได้รับการยอมรับจากเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมากขึ้น แม้ว่าสถานการณ์การผลิตและปริมาณกุ้งทั่วโลกยังกดดันราคากุ้ง โดยเอกวาดอร์เพิ่มการผลิตและหลายประเทศเริ่มต้นฤดูกาลจับกุ้งพร้อมกันทำให้ปริมาณกุ้งมีสูงขึ้น ทำให้มีการชะลอการนำเข้ากุ้งในประเทศต่างๆ และเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจทำให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้น แต่ความต้องการอาหารกุ้งของบริษัทกลับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ครึ่งปีแรกปีนี้มีปริมาณขายอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นเป็น 16,762 ตัน หรือ เพิ่มขึ้น 22 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13,688 ตัน

ด้านธุรกิจทูน่าแม้ช่วงไตรมาส 2 ปริมาณขายลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการปรับราคาขายตามต้นทุนราคาของปลาทูน่าที่สูงขึ้น และคาดว่าราคาทูน่ายังทรงตัวระดับสูงไปตลอดทั้งปี เพราะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและทำให้จับทูน่าได้น้อยลง ทั้งนี้ตลาดหลักคือกลุ่มตะวันออกกลางยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดตะวันออกกลางถือว่าเป็นตลาดหลักที่มีสัดส่วนถึง 64% จากยอดขายทูน่าทั้งหมด

นายเอกกมล กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้มีการทบทวนเป้าหมายปี 2566 จากผลการดำเนินงานครึ่งปี 2566 จึงได้ปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตลดลง 11% จากปีที่ผ่านมา และบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 10-11 %

"สาเหตุที่ปรับเป้าการดำเนินงานปีนี้ เพราะคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดในกลุ่มประเทศหลักอย่างสหรัฐและยุโรปจะยังซบเซาต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อยังสูงและอัตราดอกเบี้ยแนวโน้มปรับขึ้นซึ่งมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมืองในยุโรปที่เกิดจากความขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่บริษัทมีมุมมองบวกต่อธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเริ่มเห็นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคดีขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้มีคำสั่งสินค้ากลุ่มมูลค่าเพิ่ม (VAP) กลับเข้าสู่ระดับปกติได้" นายเอกกมลกล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้ปรับแผนงานการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยลดงบลงทุนปีนี้ มาอยู่ที่ 671 ล้านบาท โดยเลื่อนโครงการที่ยังไม่อยู่ในลำดับความสำคัญออกไปก่อน คาดว่าทั้งปีนี้จะจัดสรรงบลงทุนแบ่งเป็น เพื่อขยายกำลังการผลิตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตจำนวน 473 ล้านบาท ใช้ขยายการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดและเปลี่ยนหม้อต้มไอน้า (Boiler) จำนวน 54 ล้านบาท และเพื่อโครงการติดตั้ง Solar Roof และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งจำนวน 144 ล้านบาท

ที่มา: ไออาร์ พลัส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO