ปิดฉากการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ 'ตม.อาเซียน DGICM' ครั้งที่ 26 มุ่งแลกเปลี่ยนข้อมูลการทำงาน 24 ชั่วโมง พร้อมยกระดับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

ศุกร์ ๒๕ สิงหาคม ๒๐๒๓ ๐๘:๕๙
ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ 'ตม.อาเซียน DGICM' ครั้งที่ 26 ประชุม ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7-11 สิงหาคม ณ โรงแรมอังสนา ลากูน่า จังหวัดภูเก็ต ภายใต้แนวคิด "Building Security, Fostering Collaboration and Sustaining the Future"  ท่ามกลางความร่วมมือจาก 11 ประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมประเทศติมอร์เลสเต ซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียนล่าสุดเข้าร่วมสังเกตการณ์ และเลขาธิการอาเซียน ผู้แทนประเทศออสเตรเลีย และประเทศคู่เจรจา +3  ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี รวมกว่า 500 คน โดยปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม

สำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมหารือ DGICM ครั้งที่ 26 เป็นไปตามหัวข้อสารัตถะสำคัญ ได้แก่

  • การประชุมอาเซียนว่าด้วยหัวหน้าด่านหลักตรวจคนเข้าเมือง (ASEAN Heads of Major Immigration Checkpoints Forum หรือ AMICF)
  • การประชุมหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านการลักลอบขนคนเข้าเมือง (Heads of Specialist Unit on People Smuggling Meeting - HSU)
  • การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการข่าวหน่วยตรวจคนเข้าเมือง (ASEAN Immigration Intelligence Forum หรือ AIIF)

นอกจากนั้น ยังมีเวทีการประชุมกับประเทศคู่เจรจาอีก 2 เวที ได้แก่ การประชุม DGICM กับคู่เจรจาประเทศ ออสเตรเลีย และการประชุม DGICM กับคู่เจรจา + 3 ได้แก่ ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยมีการประชุมเต็มคณะโดยอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองและหัวหน้าฝ่ายกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ

สำหรับผลการประชุมหารือ DGICM สรุปเป็นภาพรวมได้ ดังนี้ 

  • เสนอแนวทางการส่งเสริมการพำนักและการทำงานของคนไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายในเกาหลีใต้ การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับระบบ Electronic Travel Authorization (ETA) สำหรับการเดินทางเข้าเกาหลีใต้ และเอกสารเดินทางดิจิทัล
  • เสนอแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน มุ่งเน้นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจลงตราผ่านการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ซึ่งรวมถึงการลดรายการเอกสาร การลดระยะเวลาการพิจารณา และการปรับปรุง e-Visa ระยะต่อไปให้มีความรวดเร็ว ปลอดภัย และเพิ่มภาษาจีน
  • ยกระดับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยใช้การจัดเก็บและเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ด้วยภาพถ่ายใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือ (BIOMETRICS) ในระบบงานตรวจเข้าออกราชอาณาจักร
  • ควบคุมการพำนักคนต่างด้าว และการให้บริการคนต่างด้าว โดยใช้ระบบ Online e-Extension
  • ลงข้อมูลบุคคลต้องห้ามให้เป็นระบบงานที่รองรับการพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคตอย่างมีเอกภาพ เพื่อการป้องกันการลักลอบผ่านแดนระหว่างประเทศ
  • ลงนามความร่วมมือของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองในภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถความร่วมมือระหว่างหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองในกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศคู่เจรจา ให้เกิดการประสานงานปฏิบัติร่วมกันในการสกัดกั้น หรือปราบปรามการจับกุมได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ได้แก่ การก่อการร้าย การลักลอบขนคนเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นต้น

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. เผยว่า "วัตถุประสงค์หลักของการจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและทำข้อตกลงในการร่วมมือกันพัฒนาความเข้มแข็งเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายผ่านแดนของบรรดาอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบเข้าเมือง และการค้ามนุษย์ในเขตภูมิภาคเอเชีย และภูมิภาคใกล้เคียง ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการประชุม DGICM ครั้งที่ 26 นับเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่ผู้นำตรวจคนเข้าเมืองอาเซียนระดับอธิบดี และผู้นำตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงหัวหน้าฝ่ายกงสุลจากประเทศที่มีบทบาทสำคัญวงล้อมรอบอาเซียนในฐานะคู่เจรจาอื่นๆ จะได้มาร่วมประชุมกัน ซึ่งผลการประชุมหารือในทุกด้าน ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมเป็นต้นมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งด้านสารัตถะซึ่งปรากฏผลความร่วมมือที่เป็นไปในทิศทางที่ดีโดยมีประเด็นหลักด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การอัพเดทข้อมูลการติดต่อหน่วยงานตลอด 24 ชั่วโมง การศึกษาและนำเทคโนโลยีมาใช้"

"เนื่องด้วยงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นเหมือนประตูบ้านที่คอยสกัดกั้นการเดินทางของบุคคลที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยเฉพาะอาชญากรตั้งแต่ระดับการก่อการร้ายไปจนถึงระดับมิจฉาชีพ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายตัวเป็นเครือข่ายควบคุมการพัฒนาทางด้านการคมนาคมขนส่งและเทคโนโลยี เข้าลักษณะอาชญากรข้ามชาติ นี่จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะหารือเพื่อปัองกันการแพร่ขยายความรุนแรงด้านความมั่นคงและอาชญากรรมระหว่างประเทศให้กับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน หวังป็นอย่างยิ่งว่า ข้อตกลงที่ได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนผลการดำเนินงาน รวมถึงกระชับความสัมพันธ์จะนำมาซึ่งประโยชน์แก่การประสานงานและปฏิบัติภารกิจงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ความเป็นสากลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย" กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: โมด อิมเมจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ