สำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมหารือ DGICM ครั้งที่ 26 เป็นไปตามหัวข้อสารัตถะสำคัญ ได้แก่
- การประชุมอาเซียนว่าด้วยหัวหน้าด่านหลักตรวจคนเข้าเมือง (ASEAN Heads of Major Immigration Checkpoints Forum หรือ AMICF)
- การประชุมหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านการลักลอบขนคนเข้าเมือง (Heads of Specialist Unit on People Smuggling Meeting - HSU)
- การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการข่าวหน่วยตรวจคนเข้าเมือง (ASEAN Immigration Intelligence Forum หรือ AIIF)
นอกจากนั้น ยังมีเวทีการประชุมกับประเทศคู่เจรจาอีก 2 เวที ได้แก่ การประชุม DGICM กับคู่เจรจาประเทศ ออสเตรเลีย และการประชุม DGICM กับคู่เจรจา + 3 ได้แก่ ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยมีการประชุมเต็มคณะโดยอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองและหัวหน้าฝ่ายกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ
สำหรับผลการประชุมหารือ DGICM สรุปเป็นภาพรวมได้ ดังนี้
- เสนอแนวทางการส่งเสริมการพำนักและการทำงานของคนไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายในเกาหลีใต้ การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับระบบ Electronic Travel Authorization (ETA) สำหรับการเดินทางเข้าเกาหลีใต้ และเอกสารเดินทางดิจิทัล
- เสนอแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน มุ่งเน้นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจลงตราผ่านการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ซึ่งรวมถึงการลดรายการเอกสาร การลดระยะเวลาการพิจารณา และการปรับปรุง e-Visa ระยะต่อไปให้มีความรวดเร็ว ปลอดภัย และเพิ่มภาษาจีน
- ยกระดับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยใช้การจัดเก็บและเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ด้วยภาพถ่ายใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือ (BIOMETRICS) ในระบบงานตรวจเข้าออกราชอาณาจักร
- ควบคุมการพำนักคนต่างด้าว และการให้บริการคนต่างด้าว โดยใช้ระบบ Online e-Extension
- ลงข้อมูลบุคคลต้องห้ามให้เป็นระบบงานที่รองรับการพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคตอย่างมีเอกภาพ เพื่อการป้องกันการลักลอบผ่านแดนระหว่างประเทศ
- ลงนามความร่วมมือของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองในภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถความร่วมมือระหว่างหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองในกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศคู่เจรจา ให้เกิดการประสานงานปฏิบัติร่วมกันในการสกัดกั้น หรือปราบปรามการจับกุมได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ได้แก่ การก่อการร้าย การลักลอบขนคนเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นต้น
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. เผยว่า "วัตถุประสงค์หลักของการจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและทำข้อตกลงในการร่วมมือกันพัฒนาความเข้มแข็งเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายผ่านแดนของบรรดาอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบเข้าเมือง และการค้ามนุษย์ในเขตภูมิภาคเอเชีย และภูมิภาคใกล้เคียง ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการประชุม DGICM ครั้งที่ 26 นับเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่ผู้นำตรวจคนเข้าเมืองอาเซียนระดับอธิบดี และผู้นำตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงหัวหน้าฝ่ายกงสุลจากประเทศที่มีบทบาทสำคัญวงล้อมรอบอาเซียนในฐานะคู่เจรจาอื่นๆ จะได้มาร่วมประชุมกัน ซึ่งผลการประชุมหารือในทุกด้าน ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมเป็นต้นมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งด้านสารัตถะซึ่งปรากฏผลความร่วมมือที่เป็นไปในทิศทางที่ดีโดยมีประเด็นหลักด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การอัพเดทข้อมูลการติดต่อหน่วยงานตลอด 24 ชั่วโมง การศึกษาและนำเทคโนโลยีมาใช้"
"เนื่องด้วยงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นเหมือนประตูบ้านที่คอยสกัดกั้นการเดินทางของบุคคลที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยเฉพาะอาชญากรตั้งแต่ระดับการก่อการร้ายไปจนถึงระดับมิจฉาชีพ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายตัวเป็นเครือข่ายควบคุมการพัฒนาทางด้านการคมนาคมขนส่งและเทคโนโลยี เข้าลักษณะอาชญากรข้ามชาติ นี่จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะหารือเพื่อปัองกันการแพร่ขยายความรุนแรงด้านความมั่นคงและอาชญากรรมระหว่างประเทศให้กับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน หวังป็นอย่างยิ่งว่า ข้อตกลงที่ได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนผลการดำเนินงาน รวมถึงกระชับความสัมพันธ์จะนำมาซึ่งประโยชน์แก่การประสานงานและปฏิบัติภารกิจงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ความเป็นสากลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย" กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: โมด อิมเมจ