GGC ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังธุรกิจฟื้น รับHigh Season ท่องเที่ยว-คริสต์มาส-ปีใหม่ ลุยจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท พร้อมกำหนดจ่าย 6 ก.ย.นี้

ศุกร์ ๒๕ สิงหาคม ๒๐๒๓ ๐๙:๑๙
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ "GGC" ประเมินภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 ฟื้นตัว รับ High Season ท่องเที่ยว หนุนการใช้งาน เมทิลเอสเทอร์ - เอทานอล พุ่ง ส่วนแฟตตี้แอลกอฮอล์-กลีเซอรีน ส่อแววโดดเด่น เนื่องจากผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย เริ่มสต็อกสินค้ารองรับการผลิตสินค้ารับเทศกาลคริสต์มาส - ปีใหม่ พร้อมส่งสัญญาณผู้ถือหุ้นเตรียมรับปันผลระหว่างกาลที่ 0.10 บาทต่อหุ้น ที่กำหนดจ่ายวันที่ 6 ก.ย.นี้

นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดและธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่า ความต้องการใช้ เมทิลเอสเทอร์ หรือ B100 น่าจะทรงตัว เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 นี้ จะเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลสำหรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าไม่สูงมากนัก แต่คาดว่า อาจจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว

ขณะที่ความต้องการใช้ แฟตตี้แอลกอฮอล์ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากครึ่งแรกของปี 2566 แม้ว่าจะยังมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ตลาดโลกต่างๆ โดยคาดว่า กลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล (Home and Personal Care) โดยเฉพาะผู้ผลิตครีมบำรุงผิว อาจจะเริ่มกลับมาซื้อ แฟตตี้แอลกอฮอล์ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าก่อนเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสและเทศกาลวันปีใหม่

ในฝั่งความต้องการใช้ กลีเซอรีน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นสอดรับกับการที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาล High Season ของกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย เช่นเดียวกันกับเอทานอล ที่คาดว่า มีแนวโน้มความต้องการใช้ที่ฟื้นตัว เนื่องจากจากไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว คาดว่า ส่งผลให้มีการใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนอุปสงค์ความต้องการใช้เมทิลเอสเทอร์ทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ส่วนอุปทานของตลาดเมทิลเอสเทอร์ยังคงทรงตัว เพราะไม่มีการผลิตเพิ่มเข้ามา โดย GGC ประเมินอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ของอุตสาหกรรมจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 50% จากระดับราคาเป็นไปตามกลไกของตลาดราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ (CPO-DIT)

ส่วน แฟตตี้แอลกอฮอล์จากธรรมชาติ (Natural Fatty Alcohols) คาดว่าความต้องการใช้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี 2566 แม้ว่าจะยังมีปัจจัยกดดันต่อกำลังซื้อจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาซื้อสินค้าเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าคงคลังมากขึ้น หลังจากราคาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

ประกอบกับประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เริ่มมีการสต็อกสินค้า เพื่อสำรองไว้ใช้ในการผลิตสินค้าสำหรับงานกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ในช่วงวันที่ 23 กันยายน - 8 ตุลาคม 2566 อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี เป็นช่วงฤดูกาล High Season ของกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล (Home and Personal Care) โดยเฉพาะผู้ผลิตครีมบำรุงผิวที่มีความต้องการใช้ Long Chain แอลกอฮอล์ในช่วงฤดูหนาวมากขึ้น และผู้ผลิตน้ำหอมที่มีความต้องการใช้ Short Chain แอลกอฮอล์

เพื่อเตรียมสำหรับใช้ในการผลิตสินค้าก่อนเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลวันปีใหม่ ส่งผลให้ภาพรวมความต้องการซื้อ ในตลาดผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ขณะที่อุปทานโดยรวมของอุตสาหกรรมแฟตตี้แอลกอฮอล์ คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่หลายราย หยุดดำเนินการผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุง และมีการลดกำลังการผลิตลง ให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่ลดลงจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และราคาขายคาดว่ามีแนวโน้มทรงตัว เป็นไปตามราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPKO) ที่ทรงตัว

ส่วน กลีเซอรีน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นสอดรับกับความต้องการ ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาล High Season ของกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ส่วนนอุปทานโดยรวมปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์หลายราย กลับมาดำเนินการผลิตตามปกติ

ขณะที่ เอทานอล ความต้องการมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากจากไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้มีการใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น ส่วนอุปทานของตลาดเอทานอลแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากยังไม่มีการขยายกำลังการผลิตจากผู้ผลิตรายเดิม และผู้ผลิตรายใหม่เข้าสู่ตลาด ส่วนราคาขายอาจจะมีการปรับตัวลงเล็กน้อย จากราคาวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล อาทิ มันเส้นที่เริ่มปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นการจ่ายจากกำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรร โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 6 กันยายน 2566นี้ สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งหมด 4,744 ล้านบาท ลดลง 37% (YoY)และมี Adjusted EBITDA จำนวน 144 ล้านบาท ลดลง 82% (YoY) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจาก Stock Gain & NRV จำนวน 5 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 2/ 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 7 ล้านบาท (0.01 บาท/หุ้น) ลดลง 415 ล้านบาท หรือ 98% (YoY) ส่วนของผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จำนวน 9,406 ล้านบาท ลดลง 37% (YoY) โดยรับรู้ EBITDA จำนวน 297 ล้านบาท ลดลง 78% และมี Adjusted EBITDA จำนวน 425 ล้านบาท ลดลง 66%(YoY) ทำให้ครึ่งปีแรก 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 47 ล้านบาท ลดลง 862 ล้านบาท หรือลดลง 95%

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ