ปีแห่งความท้าทายกับเป้าหมายรายได้มากกว่า 800 ล้านบาท
ในปี 2566 นี้ ถือว่าเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับ FTI เพราะไม่ใช่เพียงแค่การจัดหา และพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำในราคายุติธรรมเพื่อเป็นทางเลือก และตอบสนองความต้องการ ของลูกค้าที่มีหลากหลาย แต่ยังต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการเพิ่มศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์เป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ตั้งไว้ในระดับที่สูงกว่า 800 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ระดับ 15-20% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 700 ล้านบาท ซึ่งเมื่อดูตัวเลขผลประกอบการของครึ่งปีแรกที่ผ่านมา FTI มีรายได้ 402 ล้านบาท ทำให้โอกาสที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงครึ่งปีหลังนั้นไม่น่าไกลเกินเอื้อม ด้วยกลยุทธ์ในการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น Water store shop และ Aquatek shop ที่ปัจจุบันมีสาขารวมกันอยู่กว่า 30 สาขาทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ควบคู่ด้วยกลยุทธ์การโปรโมทแบรนด์ในสื่อต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ให้มากขึ้น รวมถึงมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งนำเข้า และพัฒนาเอง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งระบบกรองน้ำที่ใช้ในครัวเรือน และอุตสาหกรรม
ครึ่งปีหลัง ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าขยายธุรกิจ
ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ผลงานจะออกมาตามที่ได้วางแผนไว้ แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง FTI ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลงานโดยรวมทั้งปีเข้าเป้า รวมถึงเป็นฐานในการเติบโตในปีถัด ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น การขยายร้าน Water Store ให้ครบ 24 สาขา จากในปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 22 สาขา ขยายกลุ่มลูกค้าขายส่งเพื่อผู้ประกอบอาชีพระบบกรองน้ำ และครัวเรือนทั่วไป และการขยายร้าน AQUATEK ให้ครบ 20 สาขา จากในปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 8 สาขา ขยายกลุ่มลูกค้าครัวเรือนที่มี Life Style ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่ง AQUATEK เจาะลูกค้ากลุ่ม Hi-end ทั้งการเลือกสินค้า และคุณภาพ โดย AQUATEK มีเครื่องกรองน้ำที่ใช้ในครัวเรือน ครบทุกจุดในบ้าน ทั้งดื่ม ใช้ อาบ ซัก ล้าง เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจในสุขภาพทุกขั้นตอน ซึ่งการเดินหน้าขยายสาขาที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของ FTI ได้สะดวก ใกล้ และไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแล รวมถึงจะช่วยให้ FTI สามารถนำเสนอสินค้า และบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นทั้ง life style และการใช้ชีวิต ซึ่งการเติบโตของ FTI จะเติบโตควบคู่ไปกับการที่ผู้บริโภคได้ใช้น้ำสะอาดในทุก ๆ ที่ทั่วประเทศ
นอกเหนือจากการขยายสาขาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแล้ว FTI ต้องการที่จะตอกย้ำความเป็น All Solution of water ทั้งคิดค้น ผลิต ประกอบ และจัดจำหน่ายระบบกรองน้ำ และเครื่องกรองน้ำอย่างเต็มระบบภายในประเทศ ด้วยกลยุทธ์ในการมองหาพันธมิตรรายอื่น ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตส่วนประกอบของเครื่องกรองน้ำ และระบบกรองน้ำ ซึ่งบางชิ้นส่วนยังนำเข้ามาเพื่อประกอบในประเทศ รวมถึงการศึกษาแผนในการเปิดโรงงาน การผลิตชิ้นส่วน ที่ดิน เครื่องจักร ซึ่งทาง FTI ก็กำลังดำเนินการมองหา และเปรียบเทียบกับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง นำเข้า และส่งออก และการเปิดอาคารใหม่ของ FTI ที่เป็น All Solution of Water เพื่อรองรับการขยาย การผลิต และช่องทางการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ร่วมมือพันธมิตรเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายฐานลูกค้า
มุ่งมั่นให้บริการ ส่งมอบผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำอย่างครบวงจร ด้วยนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในราคายุติธรรม ระบบน้ำที่ปัจจุบันประสบปัญหาเรื่องน้ำเสียมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ FTI เล็งเห็นถึงสิ่งสำคัญของศักยภาพในการผลิตและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ต่อกลุ่มเป้าหมายและเพื่อการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดย FTI ได้ร่วมมือกับพันธมิตรจีนที่เป็น Suppliers เจ้าใหญ่จากประเทศจีน จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ NANFANG PUMP INDUSTRY CO., LTD. หรือ CNP ผู้ผลิตปั๊มน้ำระดับโลก รองรับภาคอุตสาหกรรม การเดินเรือ อาคารสูง และในครัวเรือน และ WENZHOU RUNXIN MANUFACTURING MACHINE CO., LTD หรือ Runxin ผู้ผลิตหัววาล์วออโต้เมติก หัววาล์วแมนนวล และเครื่องทำน้ำอ่อน หรือ Softtener ที่รองรับการใช้งานทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และในครัวเรือน รวมถึง VONTRON TECHNOLOGY CO.,LTD หรือ Vontron ผู้ผลิตเมมเบรนระดับโลกสำหรับใช้กับระบบกรองน้ำ Reverse Osmosis มีเมมเบรนที่รองรับการผลิตน้ำเป็นจำนวนมาก รองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมถึงการใช้ในครัวเรือน ซึ่งเมมเบรน VONTRON ยังมีความสามารถในการกรองน้ำทะเลได้อีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก
โดยในงาน Thai water Expo 2023 ที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2566 นี้ ทาง FTI และ 3 พันธมิตร ก็ได้ผนึกกำลังยกทัพสินค้า ทั้งเครื่องกรองน้ำ ปั้ม วาล์ว softener เมมเบรน และสินค้าเกี่ยวกับระบบน้ำต่างๆ กันมาให้ชมกันอย่างครบเครื่องอีกด้วย
ก้าวสู่ธุรกิจต้นน้ำ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งที่ FTI ไม่เคยมองข้ามคือการพัฒนา และเพิ่มศักยภาพในการผลิต และสร้างสรรค์นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด FTI ได้ดำเนินการจับมือกับพันธมิตรในการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่จำนวน 3 บริษัท โดยเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตร 3 รายจากสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการผลิต และประกอบชิ้นส่วน และอุปกรณ์สำหรับระบบกรองน้ำ โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททั้ง 3 แห่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ในการผลิตไส้กรอง, หม้อแปลง (Transformer) และ Booster Pump สำหรับระบบกรองน้ำ เพื่อจัดจำหน่ายสำหรับตลาดในประเทศไทย และต่างประเทศ ทั้งนี้หลังจากการจัดตั้งบริษัทย่อยทั้ง 3 บริษัทจะส่งผลให้บริษัทฯมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง, เพิ่มทักษะและประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และเพิ่มการเติบโตในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการมองหาความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ และพัฒนาความสามารถของบุคคลากร รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต เพื่อเป้าหมายสำคัญในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำครบวงจรระดับสากล
กว่า 25 ปีที่ FTI ยืนหยัดอย่างมั่นคงในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำครบวงจร ได้รับการพิสูจน์แล้วถึงวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง ความสามารถของทีมผู้บริหาร และความทุ่มเทของพนักงานทุนคน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำของ FTI ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ก้าวสำคัญของ FTI ต่อจากนี้จะยิ่งมีความท้าทาย แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ FTI ไม่ได้ต้องการเติบโตด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากลจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ FTI สามารถก้าวไปอีกขั้นสู่การเป็นผู้นำทั้งในด้านการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำอย่างครบวงจร และที่สำคัญที่สุดคือการยกระดับ FTI สู่การเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการพัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมในระดับสากลอีกด้วย
ที่มา: กลอรี่ แบรนดิ้ง