ทิสโก้ย้ำ ซื้อบอนด์ ลดหุ้น เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน 4 -10% ใน 1 ปี

ศุกร์ ๐๑ กันยายน ๒๐๒๓ ๑๒:๐๔
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้ ลงทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ อายุ 10 ปีช่วงนี้ ภายใน 1 ปีอาจได้รับผลตอบแทนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) และส่วนต่างราคาสูงถึง 4-10% พร้อมแนะลดการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเสี่ยงปรับฐาน 

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ยังคงเน้นย้ำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ และลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น เพราะตราสารหนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจและมีความเสี่ยงที่ไม่สูงนัก โดยในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมา เป็น 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี จากระดับ 3.7-3.8% ในเดือนก่อน ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า Bond yield น่าจะเพิ่มขึ้นได้จำกัดต่อจากนี้ โดยอาจเคลื่อนไหวที่ระดับ 4.3% ในระยะสั้น ก่อนจะลดลงสู่ระดับที่ 3.9% ในช่วงสิ้นปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วงท้ายปี

ทั้งนี้ หากสถานการณ์เป็นไปตามคาด การลงทุนในพันบัตรอายุ 10 ปี จะได้รับผลตอนแทนจากส่วนต่างของราคาอีก 2-3% เพิ่มจากผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ราว 4% ทำให้ผลตอบแทนรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 6% ในกรอบระยะเวลาการลงทุน 1 ปี แต่ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า และ Fed ต้องกลับมาลดดอกเบี้ยลงเร็วและแรงกว่าที่คาด จะทำให้ Bond yield ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.0% กรณีนี้ผลตอบแทนรวมอาจเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10%

"ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า Bond yield น่าจะเพิ่มขึ้นได้จำกัดต่อจากนี้ เนื่องจากตลาดรับรู้ผลกระทบปัจจัยลบ 3 ประเด็นไปแล้วพอสมควร ได้แก่ 1. การขยายกรอบ Yield Curve Control ของธนาคารกลางญี่ปุ่น 2. การขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มากกว่าตลาดคาด และ 3. การปรับลดอันดับ Credit rating ของตราสารหนี้ระยะยาวสหรัฐฯนอกจากนี้ มองว่าตลาดปัจจุบันมีมุมมองที่ค่อนข้างสอดคล้องกับความเห็นของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) แล้ว โดย Fed ส่งสัญญาณว่าจะค้างดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าการขึ้นดอกเบี้ยในรอบก่อน (Higher-for-Longer) ในขณะที่ ตลาด Fed Fund Futures ประเมินว่า Fed จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งก็คือ ในอีก 9 เดือนข้างหน้า นานกว่าการขึ้นดอกเบี้ยรอบก่อน ในปี 2559 - 2562 ที่ 7 เดือน และใกล้เคียงกับเฉลี่ยการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 รอบล่าสุดที่ 10 เดือน" นายคมศรกล่าว

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นโลก คาดว่าหุ้นจะถูกกดดันจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอลง ประกอบกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่กลับมาเพิ่มขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อยังมีผลจากฐานของปีที่แล้ว ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาเพิ่มขึ้น โดยหากอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เฉลี่ยอยู่ที่ 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน (MoM) ต่อเนื่อง เท่ากับอัตราปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อเทียบกับปีก่อน ณ สิ้นปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) สูงกว่า 3% ที่นักวิเคราะห์คาด อัตราเงินเฟ้อที่น่าจะออกมาสูงกว่าคาดประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอลง ซึ่งเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรก จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้และมีความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นจะปรับฐาน

ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version