คณะทำงานเฉพาะกิจด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม ซึ่งนำโดยเต็ดตรา แพ้คนี้ จะเริ่มดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับระบบและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งมีความสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั่วทั้งระบบกระบวนการผลิตนมในภูมิภาค ปัจจุบัน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนมคิดเป็น 2.7% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก
เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้โซลูชันที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น เต็ดตรา แพ้ค จะหารือกับผู้มีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมนม เพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัยและเสนอแนวทางปฎิบัติที่เหมาะสมที่สุดให้กับทุกฝ่ายในอุตสาหกรรม ซึ่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่นี้จะเพิ่มศักยภาพในการลดการใช้พลังงานและน้ำ รวมไปถึงเศษอาหารเหลือทิ้งในกระบวน การผลิตนมอีกด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินการของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมนั้น สมาชิกทุกภาคส่วนจะมีการพัฒนาเป้าหมายร่วมกัน และส่งเสริมให้แต่ละสมาชิกได้แสดงแนวคิดที่สามารถเพิ่มศักยภาพโดยรวมได้ ซึ่งการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจนี้ มีจุดมุ่งหมายดังต่อไปนี้:
- ตรวจวัดปริมาณและจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม
- สร้างและแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- กำหนดแนวทางของโซลูชันที่น่าเชื่อถือในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- จัดทำแนวทางความยั่งยืนและกรอบการรายงานเพื่อส่งเสริมความสอดคล้องและวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ผลิตภัณฑ์นมนับว่าเป็นแหล่งโภชนาการหลัก และด้วยจำนวนประชากรโลกที่กำลังจะแตะหนึ่งหมื่นล้านคน ในปี 2593 ส่งผลให้นมมีบทบาทสำคัญในระบบอาหารทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ยังมีความจำเป็นเร่งด่วนอื่นๆ อีกที่ต้องบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยเหตุนี้ คณะทำงานเฉพาะกิจด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม จะพิจารณาเป็นพิเศษถึงมาตรการที่สามารถทำได้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยไม่กระทบต่อผลผลิตหรือคุณค่าทางโภชนาการ รวมทั้งรักษาบทบาทความสำคัญของผลิตภัณฑ์นมในระบบอาหารที่ปลอดภัยและมีความยืดหยุ่น
ซามีร์ เอล อทาซี ผู้อำนวยการฝ่ายโพรเซสซิ่ง บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "เราทุ่มเทเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมนมในท้องถิ่นด้วยการเพิ่มผลผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระบบอาหารที่ยั่งยืนของเราที่ใช้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย เทคโนโลยีใหม่ในการผลิตนมมีศักยภาพในการลดการใช้พลังงานและน้ำตลอดจนอาหารเหลือทิ้ง ซึ่งเราวางแผนก้าวไปข้างหน้าในทิศทางนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลกของเราในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเท่ากับศูนย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2593 และเราเชื่อว่าการทำงานอย่างเข้มข้นกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรของเรา จะช่วยให้สามารถรับมือกับสภาพภูมิอากาศได้อย่างเห็นผลโดยเร็วในอุตสาหกรรมนมร่วมกับผู้นำในอุตสาหกรรมอื่นๆ"
โดนัลด์ มัวร์ กรรมการบริหาร องค์กรผู้ผลิตนมระดับโลก Global Dairy Platform กล่าวว่า "อุตสาหกรรมนมทั่วโลกกำลังมุ่งไปที่การผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ เพื่อตอบสนองความต้องการที่กำลังเติบโตของประชากรโลก อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดอยู่ในความเสี่ยง และอุตสาหกรรมนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรีบจัดการและวางกลยุทธ์เกี่ยวกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม"
"ในฐานะผู้นำระดับโลกในด้านระบบนวัตกรรมที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพ และความปลอดภัยของเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปอาหาร เราเชื่อว่า เต็ดตรา แพ้ค มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำในกระบวนการแปรรูปของ Pathways to Dairy Net Zero Initiative"
ที่มา: มิดัส พีอาร์