ซี-วิท สานต่อ "C-vitt สู่อนาคตที่สดใส ไปด้วยกัน ปีที่ 2" เดินหน้าเชิงรุกร่วมเป็นส่วนหนึ่งแก้ปัญหาทุพโภชนาการเด็กไทย

อังคาร ๑๒ กันยายน ๒๐๒๓ ๐๙:๒๐
ซี-วิท (C-vitt) เดินหน้าเชิงรุกร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาทุพโภชนาการ เติมวิตามินซีสร้างภูมิสำหรับเด็กในพื้นที่ห่างไกล ผนึกกำลังมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยและมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ สานต่อโครงการ "C-vitt สู่อนาคตที่สดใส ไปด้วยกัน ปีที่ 2" มอบ ซี-วิท มินิ 1,281,600 กล่อง เสริมความแข็งแกร่งให้เด็กไทยกว่า 5 หมื่นคนในพื้นที่ 250 โรงเรียนทั่วประเทศ พร้อมนำร่อง 9 โรงเรียนห่างไกล ได้ดื่มวิตามินซีทุกวัน ตั้งเป้าภายในปี 2025 จะช่วยให้เด็กไทยทั่วประเทศมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นกว่า 2 แสนคน

มร. โอซามุ โซมะ ประธานบริหาร บริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซี-วิท (C-vitt) ได้มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ (Healthy Body & Mind) โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลที่ประสบปัญหาทุพโภชนาการ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ซี-วิท ถือเป็นแบรนด์เครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์แรกที่มองเห็นปัญหาดังกล่าวและได้ร่วมมือกับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยและมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ จัดโครงการมอบ ซี-วิท มินิ (C-vitt mini) จำนวน 1 ล้านกล่อง พร้อมอุปกรณ์กีฬาให้กับเยาวชนทั่วประเทศไทยกว่า 47,000 คน อีกทั้งยังได้นำทีมพนักงานลงพื้นที่ทำกิจกรรมให้ความรู้เรื่องวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย ส่งผลให้เยาวชนกลุ่มดังกล่าวมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น แข็งแรง สดใส เจ็บป่วยน้อยลง แต่จากการศึกษาข้อมูลในปี 2566 พบว่า ยังมีเยาวชนไทยอีกจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาภาวะด้านโภชนาการและขาดสารอาหารสำคัญหลายชนิดที่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของร่างกาย

ดังนั้นในปีนี้ ซี-วิท จึงได้สานต่อโครงการ "C-vitt สู่อนาคตที่สดใส ไปด้วยกัน ปีที่ 2" เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหา ด้วยการมอบ "ซี-วิท มินิ" (C-vitt mini) จำนวน 1,281,600 กล่อง ให้แก่เยาวชนกว่า 50,000 คน ในพื้นที่ 250 โรงเรียน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยและมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ เพื่อนำไปดื่มเสริมสร้างวิตามินซีให้ร่างกายและสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ อีกทั้งได้เตรียมนำพนักงานลงพื้นที่จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องวิตามินซีที่จำเป็นต่อร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น ซี-วิท ได้นำแนวคิดการดูแลสุขภาพเยาวชนแบบยั่งยืน ด้วยการมอบ ซี-วิท มินิ ให้ได้ดื่มเป็นประจำทุกวัน ระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เห็นผลเชิงสุขภาพทางร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน โดยนำร่องกับนักเรียน 900 คน ใน 9 โรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ได้แก่ โรงเรียนบ้านน้ำหอม จังหวัดตาก, โรงเรียนบ้านห้วยช้างแทง จังหวัดพิษณุโลก, โรงเรียนบ้านจานบัว จังหวัดศรีษะเกษ, โรงเรียนบ้านทุ่งสว่าง จังหวัดศรีษะเกษ, โรงเรียนนาสนาดก์ จังหวัดจันทบุรี, โรงเรียนบ้านแหลมสัก จังหวัดกระบี่, โรงเรียนวัดโคกพิกุล จังหวัดนครศรีธรรมราช, โรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง จังหวัดเพชรบุรี และโรงเรียนแก่งกระจานพิทยาคม จังหวัดเพชรบุรี"

"สำหรับโครงการ "C-vitt สู่อนาคตที่สดใส ไปด้วยกัน" ทางซี-วิท ตั้งเป้าหมายในปี 2025 จะสามารถช่วยเหลือเด็กไทยได้ให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้กว่า 200,000 คน"

ทางด้าน นายอานนท์ สวนศรี ผู้จัดการอาวุโสด้านธรรมาภิบาลและการกำกับดูแล มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "จากการดำเนินโครงการในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถช่วยส่งเสริมกลุ่มเยาวชนในการดูแลของมูลนิธิศุภนิมิตประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการกว่า 46,300 คน ได้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้น โดยจากการสำรวจสุขภาพและพฤติกรรมของน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการพบว่า อัตราการเจ็บป่วยในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลลดน้อยลง ระบบการขับถ่ายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีอารมณ์แจ่มใส มีความกระปรี้กระเปร่าในการเรียนและการเล่นกับกลุ่มเพื่อนในโรงเรียน

โดยการสานต่อความร่วมมือโครงการ "C-vitt สู่อนาคตที่สดใส ไปด้วยกัน ปีที่ 2" ทางมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้เตรียมทำการขยายผลไปสู่เยาวชนทั่วประเทศไทยในการดูแลของมูลนิธิฯ จำนวนกว่า 50,000 คน ที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือในด้านการส่งเสริมสุขภาพและสุขอนามัย ด้วยการสนับสนุนของ ซี-วิท ที่มุ่งช่วยเหลือในเชิงปริมาณให้เด็กทั่วประเทศได้รับวิตามินซีที่จำเป็นต่อร่างกาย และการช่วยเหลือเชิงคุณภาพที่ต้องการเห็นเด็กได้มีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน"

นางสาวจันทิรา สมบุญเกิด ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาทุนและการสื่อสาร มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า "จากการสนับสนุนของ ซี-วิท ที่มอบให้กับเด็กและเยาวชนในมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ กว่า 700 คน ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเพื่อต้องการส่งเสริมให้เยาวชนมีโอกาสได้รับโภชนาการที่เหมาะสมตามวัยและสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ซึ่งประโยชน์ของการได้รับวิตามินซีถือเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับเยาวชนในมูลนิธิฯ ที่ต้องเผชิญกับโรคระบาดที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งโรคตามฤดูกาล โรคหวัดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ประกอบกับเยาวชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในโรงเรียนและได้ทำกิจกรรมต่างๆ ยิ่งทำให้ต้องมีการเสริมความแข็งแกร่งกันเพิ่มมากขึ้น

โดยความร่วมมือในปีนี้ ซี-วิท (C-vitt) ถือเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายที่สำคัญในการสานต่อและยกระดับการสนับสนุนด้านสุขภาพของเยาวชนในมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ กว่า 700 คน ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเด็กโสสะทั้ง 5 แห่งทั่วประเทศไทย ได้แก่ บางปู สมุทรปราการ, หาดใหญ่ สงขลา, หนองคาย, เชียงราย และภูเก็ต พร้อมทั้งยังช่วยส่งเสริมทางด้านจิตใจ เนื่องจากเยาวชนในการดูแลของมูลนิธิฯ ครั้งหนึ่งเคยสูญเสียบิดามารดา ขาดญาติมิตร และได้รับการดูแลจากมูลนิธิในรูปแบบครอบครัวทดแทนระยะยาว ได้รับความอบอุ่นและความรักจากแม่โสสะ ดังนั้นการเข้ามาช่วยสนับสนุนของซี-วิท ถือเป็นอีกหนึ่งการมอบกำลังใจให้กับน้อง ๆ ได้เป็นอย่างดี แสดงถึงความห่วงใยจากสังคมภายนอก"

ที่มา: เอ พับลิซิสท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๓๒ อาลีเพย์พลัสขยายเครือข่ายพันธมิตรด้านการชำระเงินเป็น 35 ราย เชื่อมโยงผู้ค้ากับนักท่องเที่ยวเข้าด้วยกันผ่านการชำระเงินบนมือถือ การขายของในแอปพลิเคชัน
๑๕:๓๙ ยกระดับบริการหลังการขายขึ้นอีกขั้นกับ Volvo Mobile Service เพียงนัดหมาย เราพร้อมให้บริการถึงหน้าบ้านคุณ
๑๕:๓๔ ประกาศราคาไทย HUAWEI Mate X6 สมาร์ทโฟนนแบบพับได้ระดับท็อป โฉบเฉี่ยวแต่แข็งแกร่ง พร้อมกล้องเพื่อการถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบ
๑๕:๒๔ มหัศจรรย์แห่งเฟสทีฟกลางลมหนาว ที่ห้างหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล
๑๕:๑๘ บี.กริม เพาเวอร์ ครองตำแหน่งเรตติ้งสูงสุด SET ESG Rating ระดับ AAA และอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน 7 ปีซ้อน ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม
๑๔:๐๑ ธนาคารกรุงเทพ สำรองเงินสดช่วงเทศกาลปีใหม่ 40,000 ล้านบาท แนะลูกค้าทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
๑๔:๔๘ เที่ยวไทยสุขใจ ไทยพาณิชย์ โพรเทค มอบของขวัญปีใหม่ 2568 แจกฟรี! ประกันบ้านหรืออุบัติเหตุ 50,000 สิทธิ์
๑๕:๒๕ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมงานเลี้ยงการกุศล ส่งเสริมความเสมอภาคและโอกาสในสังคม
๑๕:๔๗ คณะผู้บริหารและพนักงาน ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล เยี่ยมชมโรงงาน 1NUO ที่ประเทศจีน
๑๔:๔๕ TFM เปิดแผนผลิตกุ้งยั่งยืน ดันไทยชิงโอกาสในตลาดโลก ชูนวัตกรรมอาหารสัตว์เศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน