นายธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ ("QTCG") ผู้ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน
QTCG ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร ประกอบด้วย 1) ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร 2) ระบบปรับอากาศและการระบายอากาศ 3) ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา และ 4) ระบบป้องกันไฟภายในอาคาร ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมยาวนานกว่า 22 ปี ทำให้บริษัทฯมีทีมวิศวกร ที่มากด้วยประสบการณ์ และมีศักยภาพให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมภายในอาคารทุกระบบอย่างครบวงจร สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการดำเนินงานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้าของบริษัทฯเป็นทั้งเจ้าของโครงการโดยตรง และผู้รับเหมาหลัก โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายปลายทางกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มอาคาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม เป็นต้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QTCG กล่าวเพิ่มอีกว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจโดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำทางธุรกิจให้บริการด้านระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาคุณภาพงาน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า จากการใส่ใจความต้องการของลูกค้า การบริหารงานที่ดี การควบคุมกระบวนการทำงาน การบริหารและจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพภายใต้มาตรฐานสากลสู่เป้าหมายการเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานระบบภายในอาคารและวิศวกรรมประกอบอาคาร นอกจากนี้บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมดำเนินกิจการบนพื้นฐานการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการกำหนดในนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ส่วนผลประกอบการในปี 2564 - 2565 และงวด 6 เดือนแรกปี 2566 ทาง QTCG มีรายได้จากงานก่อสร้างและงานบริการ จำนวน 625.48 ล้านบาท จำนวน 905.50 ล้านบาท และจำนวน 432.51 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ที่รับรู้จากงานก่อสร้าง ในการให้บริการรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคารเป็นหลัก โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 23.43 ล้านบาท จำนวน 101.76 ล้านบาท และจำนวน 10.39 ล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 บริษัทฯ มีมูลค่างานที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้ประมาณ 691.27 ล้านบาท ได้แก่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550, โครงการ วัน อมตะ, อาคารตลาดยิ่งเจริญ, โครงการแอนดาซ รีสอร์ท พัทยา, อาคารหอประชุมกองทัพบก, อาคารโรงงาน ITC สมุทรสาคร, บิ๊ก ซี บางบอน เป็นต้น
" ปี 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากงานก่อสร้างโครงการต่อเนื่องจากปี 2563 อาทิ โครงการ Andaz Resort Pattaya จำนวน 256.34 ล้านบาท โครงการอาคารหอประชุมกองทัพบกจำนวน 217.34 ล้านบาท และ ในปี 2565 กลุ่มบริษัทมีรายได้ปรับตัวสูงขึ้นจากการรับรู้รายได้ของงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ต่อเนื่องจากปี 2564 ได้แก่ โครงการอาคารหอประชุมกองทัพบก จำนวน 252.50 ล้านบาท โครงการ Andaz Resort Pattaya จำนวน 180.29 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ชนะประมูลและรับรู้รายได้จากงาน โครงการใหม่ จำนวนรวม 22 สัญญา ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และเริ่มรับรู้รายได้ อาทิ โครงการอาคารโรงงาน ITC- 3.2 (สมุทรสาคร) จำนวน 192.13 ล้านบาท เป็นต้น "
สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของ บริษัทฯ ภายในปี 2567 - 2568 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจ ให้มีความมั่นคงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว โดยปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 600 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ต่อหุ้น 0.50 บาท แบ่งเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 210 ล้านบาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40.00 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QTCG กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯพร้อมมุ่งมั่นที่จะรักษาคุณภาพและผลงานการก่อสร้างให้ได้ตามมาตรฐานและตรงตามวัตถุประสงค์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการส่งมอบผลงานที่เป็นที่พึงพอใจต่อลูกค้าทุกราย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของลูกค้าเในครั้งต่อไปเป็นอย่างยิ่ง เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์