นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภารกิจด้านการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศให้กับภาคเอกชนเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของกรม ที่เราดำเนินการมาอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปี ตั้งแต่กรมยังใช้ชื่อว่ากรมพาณิชย์สัมพันธ์ เรื่อยมาจนมาเป็นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในวันนี้ ถึงแม้ว่าภารกิจหลักในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศจะเป็นภารกิจเดิมที่ถือว่าเป็นหนึ่งใน Core Business ของเราแต่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ก็ได้มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการให้เหมาะสมกับแต่ละยุคสมัยมาโดยตลอด ซึ่งเราได้มีการยกเครื่องภารกิจด้านนี้ใหม่อย่างเต็มรูปแบบในปี 2560 โดยการจัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือสถาบัน NEA ขึ้น โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะให้สถาบัน NEA เป็นองค์กรชั้นนำในการพัฒนาผู้ประกอบการ ให้มีศักยภาพพร้อมเข้าสู่การแข่งขันในเวทีการค้ายุคใหม่ในระดับโลก
นอกจากนี้ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ที่สถาบัน NEA ยืนหยัดเคียงคู่ผู้ประกอบการเสมือนเป็นพี่เลี้ยงทางการค้า ที่ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นที่ปรึกษา รับฟัง ให้คำแนะนำ ตลอดจนพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่เสมอ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พวกเราทุกคนต้องเผชิญกับสถานการณ์การค้าโลกที่ผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ทั้งสงครามการค้าโลก และการระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในทุกมิติ สถาบัน NEA ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ตั้งรับ ปรับตัว ตามนโยบายของกรมได้อย่างไร้รอยต่อ และก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวโดยปรับรูปแบบการอบรมด้วยหลักสูตรการค้าแห่งโลกอนาคต ที่พลิกโฉมการฝึกอบรมรูปแบบเก่าไปอย่างสิ้นเชิง อาทิ การจัดอบรมในรูปแบบ Virtual Training ที่ผู้เข้าอบรมสามารถทำกิจกรรม Workshop เสมือนอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกันที่ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันแบบ Face to Face แต่คุณภาพการอบรมกลับไม่ลดลงเลย นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมในรูปแบบ Hybrid ที่รองรับผู้เข้าอบรมแบบ Onsite และผู้เข้าอบรมแบบ Online ในเวลาเดียวกัน เป็นต้น
สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในทุกระดับ ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ก้าวทันกระแส Megatrend ของโลกอยู่เสมอ ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งนอกเหนือจากแผนการการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อสร้างผู้ประกอบการภาคการส่งออกรายใหม่ที่มีศักยภาพมากกว่า 40,000 รายต่อปีแล้วในปีหน้าเราวางแผนที่จะติดตามและผลักดันให้ผู้ประกอบภาคการส่งออกรายใหม่ๆ ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพจากสถาบัน NEA โดยจะดำเนินการในลักษณะ Exclusive Mentoring Program ให้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศต่างๆ ของกรม ที่เหมาะสมกับระดับของผู้ประกอบการแต่ละราย เพื่อให้การพัฒนาผู้ประกอบการเกิดความครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การฝึกอบรมยันปลายน้ำ ในการเข้าสู่กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกได้จริง
โดยในช่วงสุดท้าย นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ดิฉันขอขอบคุณท่านแขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน และผู้ประกอบการทุกท่านที่ให้เกียรติร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน Open House ของสถาบัน NEA ในวันนี้ และขอความกรุณาสื่อมวลชนทุกท่านช่วยเป็นกระบอกเสียงในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมของสถาบัน NEA ไปยังผู้ประกอบการไทยอย่างทั่วถึง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยทุกระดับสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ ตลอดจนนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการของสถาบัน NEA ไปต่อยอดและปรับใช้เพื่อยกระดับความพร้อมในการก้าวเข้าสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศยุคใหม่อย่างเข้มแข็ง และเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป ขอบคุณค่ะ
สำหรับบรรยากาศภายในงาน NEA Open House 2023 ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานความสำเร็จของพัฒนาศักยภาพ และยกระดับผู้ประกอบการให้เป็นนักการค้ามืออาชีพของสถาบัน NEA และการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในแต่ละหลักสูตร รวมถึงไฮไลท์สุดพิเศษกับการเสวนาในหัวข้อ "The Key Elements of NEA Success" โดย นางภาวินี รวยรื่น ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายปณต บุณยะโหตระ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองดูไบ และนางวรพรรณ จันทรากุลศิริ ผู้บริหารบริษัท North Organic Thai ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมโครงการของสถาบัน NEA โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเข้าร่วมงานในครั้งนี้อย่างล้นหลาม
ที่มา: ซูม พีอาร์