นายพิรุณ ขินวัตร ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน แจ้งว่า ณ ไตรมาส 2 ปี 2566 ทางบริษัทฯ มีผลประกอบการจากรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจอยู่ที่ 559.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 188.1 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีเดียวกัน โดยรายได้รวม 6 เดือนแรกอยู่ที่ 1,019.2 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิของไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 59.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.8 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีเดียวกัน โดยกำไรสุทธิของ 6 เดือนแรกอยู่ที่ 93.11 ล้านบาท ทั้งนี้ PRIME มีเป้าหมายกำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ หรือการเติบโตราว 6 เท่า จากกำลังการผลิต 307 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายการเติบโตครอบคลุมประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีปัจจัยในการเลือกประเทศที่จะเข้าลงทุนตามนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนพลังงานสะอาด ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น และตลาดรองในการซื้อขายโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์
ด้านความคืบหน้า 2 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในประเทศไต้หว้น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน Miaoli Lake West กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ อยู่ในขั้นตอนการขอรับใบอนุญาต Establishment license และใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน เมื่อเรียบร้อยทางบริษัทฯจะเริ่มการก่อสร้างโครงการในเดือนตุลาคมปี 2567 และก่อสร้างเสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี 2568 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนบ่อเลี้ยงปลา Budai Outdoor Fishfarm ในจังหวัดเจียอี้ ขนาด 99 เมกะวัตต์ ซึ่ง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการขอรับใบอนุญาต Establishment license และใบอนุญาตอื่นๆที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในเดือนเมษายน 2568
ทั้งนี้ทาง PRIME เตรียมร่วมงาน Opportunity Day Performance ไตรมาส 2 ปี 2566 ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันอังคาร 26 กันยายน 2566 เวลา 15.15 น. - 16.00 น. เพื่อรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 และแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยนักลงทุนและผู้ถือหุ้น รวมถึงผู้ถือหุ้นกู้ของ PRIME สามารถติดตามรับชมหรือสอบถามข้อมูล ผ่านการถ่ายทอดสดและรับชมย้อนหลังผ่านทาง www.set.or.th/oppday, SET Application, YouTube และ Facebook SET Opportunity Day
ที่มา: ไพร์ม โรด เพาเวอร์