นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า รายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในสภาวะ "เอลนีโญ" ซึ่งจะยาวนานไปจนถึงช่วงมกราคม - มีนาคม 2567 และคาดว่าในเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2566 จะมีฝนตกน้อย ขณะที่อุณหภูมิมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยผลกระทบจากปรากฎการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อผลผลิตกลุ่มพืชเศรษฐกิจของภาคเกษตรกรรมของไทยปรับลดลง
"ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกอาหารรายสำคัญของโลก และยังมีบทบาทเป็นครัวโลก (Kitchen of the world) ประเด็นเรื่องโลกร้อน เป็นกระแสที่ทั่วโลกพูดถึงมากขึ้นทุกวัน ไทยเองก็ต้องขยับตัวแล้ว เพราะสภาวะเอลนีโญ รอบนี้จะยาวนานขึ้น ฝ่ายวิจัยมองว่า ปีนี้-ปีหน้าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของไทย แต่ผลกระทบต่อเนื่อง (Domino Effect) จะรุนแรงขึ้นในปี 2568"
อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตา คือ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) เป็นหนึ่งในมาตรการภายใต้นโยบายแผนปฏิรูปสีเขียวของสหภาพยุโรป การกำหนดราคาสินค้านำเข้าบางประเภทป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาในกลุ่มประเทศยุโรป จะเริ่มเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) ในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 และจะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มกราคม 2569 ขณะที่ไทยเอง มีคาดการณ์ว่าในภายในปีหน้า น่าจะได้เห็นร่างกฎหมายคาร์บอนเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน
กระแสดังกล่าว เป็นการตอกย้ำว่า มาตรการ Net Zero มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับภาคธุรกิจ ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจอาหารที่จะเพิกเฉยไม่ได้ จำเป็นต้องเร่งปรับโมเดลธุรกิจและเตรียมมาตรการรองรับเรื่องสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นก็ตาม
"สภาวะเอลนีโญในไทยและทั่วโลก รวมถึงกฎหมายด้านภาษีที่กำลังเข้มข้นมากขึ้น ตอกย้ำ ว่าผู้ประกอบการจะเมินเฉยไม่ได้ เพราะแน่นอนว่า ท้ายที่สุด ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หากไม่ดำเนินการก็จะมีผลกระทบต่อการทำธุรกิจอย่างแน่นอน"
ทางด้านผู้บริโภค นายชัยวัฒน์ มองว่าปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจาก 1 ใน 3 ของอาหารที่ผู้คนบริโภคในแต่ละวันนั้น ได้กลายเป็นขยะอาหารที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า โดยสาเหตุจากการทานอาหารไม่หมด อาหารหมดอายุก่อนรับประทาน และอาหารถูกคัดทิ้งในกระบวนการผลิต เป็นต้น ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับการกำจัดเศษอาหารอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจจะทำได้ตั้งแต่การวางแผนการซื้อวัตถุดิบ การใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า และการจัดเก็บวัตถุดิบในบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตที่ช่วยยืดอายุอาหารให้อยู่ได้ยาวนานขึ้น
ทั้งนี้ นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร บรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตมาตรฐานสากลของ "เอกา โกลบอล" ออกแบบมาเพื่อรอบรับกับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่และใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ เป็นบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูง ผลิตจากวัสดุเกรดอาหารในโรงงานที่มีกระบวนการผลิตปลอดภัยได้มาตรฐานสากล มีสภาพแวดล้อมการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ
นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร "เอกา โกบอล" มีคุณสมบัติในการรักษาคุณภาพอาหาร คงกลิ่นและรสชาติของอาหาร มีความปลอดภัย ช่วยป้องกันการรั่วซึม ปลอดสารพิษ และรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่า ผู้ผลิตอาหารสามารถจัดเก็บและจัดส่งอาหารไปยังผู้บริโภคปลายทางในสภาพเดียวกับที่ออกจากสายการผลิต ขณะที่ผู้บริโภคเองสามารถวางใจได้ว่าจะได้รับอาหารที่มีคุณภาพสูง อร่อย อาหารมีความปลอดภัย (Food Safety) และมีสุขภาพที่ดี
ผลิตภัณฑ์ยังมีรูปทรงที่สวยงาม จัดเก็บง่าย สามารถจัดวางนอกตู้เย็นได้ยาวนานถึง 2 ปี โดยที่อาหารไม่เน่าเสีย พร้อมมอบความสะดวกสบาย สามารถนำเข้าไมโคเวฟอุ่นอาหารเพื่อรับประทานได้ทันที
"ทุกผลิตภัณฑ์ของเอกา โกลบอล รีไซเคิลได้ 100% เรายังมีบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (กรีนโปรดักต์) ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมดและสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล ฯลฯ บรรจุภัณฑ์แห่งอานาคต จะเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับผู้ผลิตอาหารสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าดูดียิ่งขึ้น และเป็นตัวช่วยขยายฐานลูกค้าที่วงกว้างมากขึ้น หรือ จะส่งออกไปต่างพื้นที่ ต่างภูมิภาค หรือ ต่างประเทศ ก็ได้ ช่วยลดต้นทุนการผลิตและขนส่งด้วย"
ที่มา: เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง