นายสุชาติ เปิดเผยว่า OR มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ พีทีที สเตชั่น เป็นสถานีบริการที่เติมเต็มทุกความสุขให้กับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นศูนย์กลางในการมอบพลังงานสะอาดให้กับผู้บริโภค ด้วยแนวคิด OR SDG เร่งผลักดันโครงการที่ตอบโจทย์เป้าหมาย G - Green ที่มุ่งสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาด ซึ่งมีทั้งโครงการ EV Station PluZ และ โครงการ Swap & Go เป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593 ควบคู่ไปกับการดำเนินพันธกิจ Seamless Mobility ที่ OR ต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพาหนะที่ใช้น้ำมันหรือพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ผู้บริโภคทุกคน พาหนะทุกรูปแบบ ก็สามารถเข้ามาเติมเต็มได้ที่ พีทีที สเตชั่น
ทั้งนี้ เพื่อรองรับและผลักดันการให้บริการพลังงานสะอาดภายใน พีทีที สเตชั่น เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนผ่านจากยุคของรถยนต์น้ำมันไปสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า โดย OR ได้ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ไปแล้วกว่า 555 แห่ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการให้บริการพลังงานทางเลือกที่นำมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่อยากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยสถานีชาร์จที่ครอบคลุมทั่วไทย นอกจากใน พีทีที สเตชั่น แล้ว ยังทำการติดตั้งสถานีชาร์จ ณ จุดแวะพักอื่น ๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยว และโรงแรมต่าง ๆ อีกด้วย รวมทั้งได้พัฒนาแอปพลิเคชัน EV Station PluZ ที่ช่วยในการวางแผนเดินทางผ่านระบบนำทางไปยัง EV Station PluZ ที่เปิดให้บริการอยู่ตามเส้นทางถนน สามารถจองการชาร์จล่วงหน้าได้ เริ่ม-หยุด การชาร์จ และจ่ายเงินผ่านแอป เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานรถ EV โดยตั้งเป้าเพิ่มสถานีชาร์จ ทุก 50 - 100 กิโลเมตร รวมถึงมีแผนขยาย 7,000 หัวชาร์จ DC ภายในปี 2573
นอกจากการให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ล่าสุด OR ได้ลงนามสัญญา MOU ร่วมกับ Swap & Go เปิดให้บริการแพลตฟอร์มสลับแบตเตอรี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จภายใน พีทีที สเตชั่น แฟล็กชิพ วิภาวดี 62 โดยมีเป้าหมายหลักในการรองรับการขยายตัวของผู้ใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าควบคู่ไปกับการเติบโตของการใช้พลังงานสะอาดที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมทั้งเน้นการสร้างเครือข่ายเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดการใช้งานรถมอเตอร์ไฟฟ้าได้สะดวกสบายมากขึ้น โดยในระยะแรกหวังเจาะกลุ่มผู้ใช้งานในกลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี สำหรับบริการรับ-ส่งอาหารหรือสิ่งของ ด้วยการใช้งานที่ง่ายเพียง 4 ขั้นตอน ผ่านแอปพลิเคชัน Swap & Go ที่สามารถค้นหาสถานีจองแบตเตอรี่ได้ พร้อมกับขึ้นตอนการสลับแบตฯ ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 นาที โดยไม่ต้องรอชาร์จ ทั้งนี้ OR ได้วางแผนติดตั้งสถานีสลับแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้นถึง 30 สถานี โดยจะติดตั้งในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ของ OR เป็นส่วนใหญ่ และมีแผนขยายเป็น 100 สถานี ภายในปี 2567 เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับบริการ Swap & Go เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 27 กันยายน 2566 ณ พีทีที สเตชั่น แฟล็กชิพ วิภาวดี 62 ซึ่งเป็นสถานีนำร่อง ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยรวบรวมเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นพลังงานสะอาดมาให้บริการภายในสถานี อาทิ การติดตั้งสถานีชาร์จรถ EV Station PluZ และโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงมีระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน และนำ AI เข้ามาใช้คำนวณการปล่อยคาร์บอนฯ ของรถแต่ละคันที่ผ่านเข้า-ออก สถานี ซึ่งสาขาแฟล็กชิพ วิภาวดี 62 จะเป็นสถานีต้นแบบนำไปสู่การขยายแฟล็กชิพอื่น ๆ ของ พีทีที สเตชั่น ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว รองรับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างไร้รอยต่อ สร้างการเติบโตให้ผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมตอกย้ำการเป็นสถานีบริการอันดับหนึ่ง การันตีโดย No.1 Brand และ Most Admired Brand จากสื่อชั้นนำ
ที่มา: คิปส์ คอมมูนิเคชั่น