บพข. Kick-off โปรเจคพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์ขนถ่ายสินค้าเทกองที่ทุ่นกลางทะเลโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ช่วยผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำลดต้นทุนค่าน้ำมันกว่า 100 ล้านบาทต่อปี

ศุกร์ ๒๙ กันยายน ๒๐๒๓ ๐๙:๒๓
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมกับทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น สมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดตัวโครงการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์การขนถ่ายสินค้าเทกองที่ทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเลโดยใช้ระบบสารสนเทศและดิจิทัลแพลตฟอร์ม มุ่งเป้าแก้ pain point ลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการขนถ่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขนส่งสินค้าทางน้ำนั้นมีความสำคัญทางเศรษฐกิจและระบบการค้าของไทย จากข้อมูลการขนส่งสินค้าทางน้ำบริเวรเมืองท่าชายทะเลของประเทศไทยปี 2564 โดยกรมเจ้าท่า พบว่า การขนส่งสินค้ามีปริมาณสินค้ารวมทั้งสิ้น 362.009 ล้านตัน ส่งผลให้การขนส่งสินค้าทางเรือมีความสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านโลจิสติกส์เกี่ยวกับการขนส่งทางน้ำและความสามารถในการแข่งขันในการขนส่งสินค้าทางเรือภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางลำน้ำโดยเฉพาะการขนส่งสินค้าเทกองในปัจจุบันมีต้นทุนโลจิสติกส์สูง โดยเฉพาะต้นทุนการขนส่งและการขนถ่ายสินค้าที่เกาะสิชัง ซึ่งเป็นบริเวณจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าในการนำเข้าส่งออกสินค้าเทกอง จากข้อมูลในปี 2564 ประเทศไทยมีการขนส่งที่เป็นสินค้าเทกองปริมาณกว่า 48.96 ล้านตัน เช่น ข้าว ผลผลิตทางการเกษตร อาหารสัตว์ น้ำตาล แร่ธาตุ แร่เชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์ปิโตเลียม ดิน หิน ทราย ปุ๋ย เป็นต้น และมีมูลค่าต้นทุนในการขนส่งสินค้าทางน้ำกว่า 234.4 พันล้านบาท (ข้อมูลจาก สศช.) นอกจากนี้ยังพบว่าสถิติมูลค่าต้นทุนโลจิสติกส์มีแนวโน้มเพิ่มพขึ้นทุกปี (ข้อมูลจากปี 2555 - 2564) จากปัจจัยด้านราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งในการขนถ่ายสินค้าเหล่านี้ต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องจักรที่จำนวนมากและมีต้นทุนที่สูง อีกทั้งมีการใช้เชื้อเพลิงและมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในการขนถ่ายสินค้าเทกองที่ทุ่นขนถ่ายเป็นในอัตราที่สูง จากการขาดข้อมูลที่จำเป็นเพื่อใช้ในการบริหารจัดการเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการขนถ่ายสินค้า ในปัจจุบันการดำเนินงานการขนถ่ายสินค้าเทกองนั้นยังไม่มีการบันทึกและวิเคราะห์พลังงานที่ชัดเจน อีกทั้งมีความล่าช้าและใช้เวลาในการบันทึกข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลปริมาณการผลิตไฟฟ้าของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครนแต่ละตัวในการขถ่ายสินค้าแต่ละชนิด เนื่องจากระบบการขนถ่ายสินค้าเป็นระบบข้อมูลขนาดใหญ่ มี transaction ของข้อมูลจำนวนมากที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการขนถ่ายสินค้าอยู่กลางทะเลที่อาจจะไม่สะดวกต่อการเก็บและรวบรวมน้อมูล จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถนำข้อมูลที่ถูกต้องมาวางแผนการขนถ่ายสินค้าได้อย่างมีปะสิทธิภาพ ซึ่งก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงาน และนำมาซึ่งต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงได้

จากปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย ศ.ดร.กาญจนา เศรษฐนันท์ หัวหน้าโครงการ จึงได้ทำการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับการวัดตรวจวัดอัตราการใช้พลังงานในการขนถ่ายสินค้าเทกอง และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นปัจจุบัน (Real time) ร่วมกับ การใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการจัดลำดับการขนถ่ายสินค้าของเรือ และพัฒนา ระบบฐานข้อมูล (Database) สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลอัตราการใช้พลังงานขนาดใหญ่ (Big data) และระบบ Monitoring and Tracking system ที่สามารถปรับปรุงข้อมูลตัวชี้วัดด้านโลจิสติกส์ให้เป็นปัจจุบัน (real time) และสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ประกอบการสามารถดูผ่านหน้า dashboard ของระบบ mobile ได้อย่างเป็นปัจจุบัน ภายได้การสนับสนุนทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและร่วมให้ทุน คือ บริษัท เอส.พี.อินเตอร์ มารีน จำกัด โดยได้มีการจัดกิจกรรม kick-off โครงการเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566

รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการ บพข. กล่าวว่า "การเพิ่มขีดความในการแข่งขันของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญของ บพข. สาระสำคัญที่เราจะต้องทำก็คือการทำให้ผู้ประกอบการมีความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการ kick-off โครงการในวันนี้จึงเป็นภารกิจหนึ่งที่ บพข. จะต้องทำเพื่อเชื่อมโยง (connect) ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกัน และสร้างความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน (collaboration) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันตรงนี้ บพข. ได้ให้ทุนในส่วนของการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถนำงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ เพราะฉะนั้นในการทำงานวิจัยจะต้องมีการ create โครงการที่จะสามารถตอบ pain point และตอบ demand driven ของภาคธุรกิจได้ ซึ่งหัวข้อโครงการนี้ได้อยู่ในแผนงานโลจิสติกส์และระบบรางของ บพข. และโครงการนี้จะต้องถูก converse ไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งที่เราให้ความสำคัญอยู่ในขณะนี้คือการขนส่งที่ประหยัดและลดการใช้พลังงาน เราจึงคาดหวังว่าในการทำงานครั้งนี้จะทำให้เราได้แพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ที่ดี และได้การจัดการโลจิสติกส์ที่ดี อันนำไปสู่การลดต้นทุนการผลิต และทำให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน"

ศ.ดร.กาญจนา เศรษฐนันท์ หัวหน้าโครงการได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโครงการว่า "เราได้รับโจทย์มาจากบริษัท เอส.พี.อินเตอร์ มารีน จำกัด ซึ่งประสบปัญหาในการไม่สามารถควบคุมการใช้พลังงานสำหรับการขนถ่ายสินค้าเทกองที่ทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเลได้ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีระบบการตรวจวัด และประเมินอัตราการน้ำมันดีเซลเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับการทำงานของเครนที่ใช้ในการขนถ่ายสินค้าแต่ละชนิดได้ และเป็นปัจจัยสำคัญต่อต้นทุนของการประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าทางน้ำ ซึ่งจุดนี้เองก็เป็น pain point ของผู้ประกอบการขนส่งทางน้ำรายอื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้นเราจึงมีแนวคิดในการพัฒนาระบบ Software การจัดสรรเรือเพื่อขนถ่ายสินค้าเข้าแต่ละทุ่น และระบบการตรวจวัดอัตราการใช้พลังงานในขนถ่ายสินค้าเทกอง และจัดการข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นปัจจุบัน (Realtime) โดยใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital technologies) รวมทั้งยังมีการจัดทำระบบฐานข้อมูล (Database) สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลอัตราการใช้พลังงานขนาดใหญ่ (Big data) และระบบ Monitoring and Tracking system เพื่อให้การบริหารจัดการการใช้พลังงานสำหรับงานขนถ่ายสินค้าเทกองที่ทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดต้ำทุนให้แก่ผู้ประกอบได้ไม่น้อยกว่า 5 - 10% และผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยครั้งนี้จะถูกนำไปขยายผลใช้กับบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังต่อไปด้วย"

ผู้ที่มาร่วมโครงการในครั้งนี้มีทั้งจากภาคส่วนของการขนส่งทางลำน้ำโดยตรง และส่วนที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (value chain) ของการขนส่งทางน้ำ เช่น ผู้ประกอบธุรกิจคลังสินค้า เพราะฉนั้นผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการนี้ ผู้ที่อยู่ในธุรกิจขนส่งทางลำน้ำ โดยตรงสามารถนำไปใช้ได้เลย ซึ่งแผนที่ทีมวิจัยมองไว้คือการเข้าไปที่สมาคมซึ่งมีสมาชิกอยู่กว่า 60 บริษัท และมีความสนใจมาก เนื่องจากเป็น pain point ของผู้ประการ สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจนี้โดยตรง เช่น คลังสินค้าต่าง ๆ ได้ให้สนใจในเรื่องระบบ big data และระบบซอฟแวร์การบริการจัดการ ซึ่งทีมวิจัยได้ทำเป็น module ไว้แล้วเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้แบบ standalone ได้เลย

สำหรับการลดพลังงาน ศ.ดร.กาญจนา เล่าว่า ลูกค้ามีความต้องการเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นทีมวิจัยจึงมีแผนในการติดโซล่าเซลล์ที่ทุนขนถ่ายสินค้าในเฟสถัดไปของการดำเนินโครงการ เนื่องจากที่ทุ่นขนถ่ายสินค้ามีการใช้พลังงานตลอด 24 ชั่วโมง และพลังงานเป็นค่าใช้จ่ายหลักของการดำเนินกิจการ เพราะการคิดราคาน้ำมันนั้นจะไม่เท่ากับราคาบนฝั่ง แต่ยังมีค่าขนส่งที่ต้องนำไปเติมที่กลางทะเลซึ่งทำให้เพิ่มต้นทุนเข้ามาอีกมากมาย ทีมวิจัยจึงมองว่าการติดโซล่าเซลล์จะช่วยลดต้นทุนตรงนี้ได้ เพราะสามารถได้ไฟฟ้าโดยตรงและสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าไปที่อุปกรณ์ต่าง ๆ ในทุ่นได้โดยตรงด้วย นอกจากนี้ทีมวิจัยยังมองไปถึงการขยายผลไปสู่เรือลากจูงที่เข้ามารับสินค่าและส่งสินค้าด้วยเช่นกัน

"เราพยายามมองให้ครอบคลุมทั้งในเรื่องของเศรษฐศาสตร์ในแง่ของการลงทุนของภาคธุรกิจและในเรื่องของสิ่งแวดล้อมในแง่ของ carbon neutral โดยมีการคำนวณว่าการลดการใช้น้ำมันดีเซล 1 ลิตร จะสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เท่าไร่ และเราจะพยายามใช้น้ำมันซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุด และเป็นไปใช้พลังงานสะอาดแทน ซึ่งนอกจากจะช่วยภาคธุรกิจในการประหยัดพลังงานแล้วยังสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในแง่ของมลพิษทางอากาศและเสียงรบกวนอีกด้วย" ศ.ดร.กาญจนา กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนาย วรเทพ สุวจนกร นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ และรองประธานกรรมการ บริษัท เอส.พี.อินเตอร์ มารีน จำกัด ได้พูดถึงสาเหตุที่มาร่วมลงทุนกับโปรเจคนี้ว่า "ปัจจุบันทางบริษัทยังไม่สามารถหาแนวทางในการบริหารจัดการต้นทุนที่เกิดจากการใช้น้ำมันเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับการทำงานของเครนที่ในการขนถ่ายสินค้ากลางทะเล จึงได้ปรึกษากับทาง ศ.ดร.กาญจนา และเป็นที่มาของการร่วมงานกันครั้งนี้ ภายใต้การสนับสนุนทุน ซึ่งเราคาดหวังว่าหากโครงการนี้สำเร็จจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานงานในขนถ่ายสินค้าได้ไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท"

โครงการนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับทุนสนับสนุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและการบริหารจัดการสำหรับระบบโลจิสติกส์ของประเทศที่ทันสมัย และได้มาตรฐานสากล จาก บพข. ซึ่งมี บริษัท เอส.พี.อินเตอร์ มารีน จำกัด เป็นผู้ให้ทุนร่วม โดยโครงการดังกล่าวได้ถูกพัฒนาต่อยอดเพื่อการขยายผลการดำเนินงานใน "โครงการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายด้านอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่ง" ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เป็นที่ปรึกษาให้กับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในปีงบประมาณ 2564 เพื่อจัดทำแผนการอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่งให้กับหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ โดยมี บริษัท เอส.พี.อินเตอร์ มารีน จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ของ พพ.

การสนับสนุนทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์การขนถ่ายสินค้าเทกองที่ทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเลโดยใช้ระบบสารสนเทศและดิจิทัลแพลตฟอร์มในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของแนวทางเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและการบริหารจัดการสำหรับระบบโลจิสติกส์ของประเทศที่ทันสมัย รวมถึงจะเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง บพข. และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมงานต่อไป ซึ่ง บพข. คาดหวังว่าจะสามารถพัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างองค์ความรู้ในด้าน การบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ และการขนถ่ายสินค้า โดยจะสามารถนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตต่อไป

ที่มา: หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ