กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนเกษตรกรป้องกันเพลี้ยแป้ง สร้างผลผลิตลำไยนอกฤดูคุณภาพดี ปี66

พุธ ๐๔ ตุลาคม ๒๐๒๓ ๑๒:๕๙
นายรพีทัศน์  อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ลำไยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยชนิดหนึ่ง เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีศักยภาพในการผลิตสูง ปัจจุบันมีครัวเรือนเกษตรกรชาวสวนลำไย จำนวน 253,147 ครัวเรือน เนื้อที่ยืนต้น 1,738,506 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 1,693,261 ไร่ และผลผลิต 1,555,360 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 919 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งพื้นที่ภาคเหนือเป็นพื้นที่เพาะปลูกหลัก และภาคตะวันออกเป็นพื้นที่เพาะปลูกรอง สำหรับภาคตะวันออกมีพื้นที่ผลิตลำไยใน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระยอง และจังหวัดชลบุรี มีเกษตรกรชาวสวนลำไยภาคตะวันออก จำนวน 24,837 ครัวเรือน เนื้อที่ยืนต้น 377,762 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 376,703 ไร่ ผลผลิต 479,347 ตัน โดยเป็นการผลิตนอกฤดูทั้งหมด โดยจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณช่วงเดือนมกราคม - พฤษภาคม และช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม โดยในปี 2566 นี้ สภาพอากาศเอื้ออำนวยให้ลำไยติดผล แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ลำไยสลัดลูกทิ้งเมื่อขาดน้ำ และไม่สามารถทนทานต่อความร้อนที่สูงขึ้นเป็นระยะยาว ช่อผลที่กำลังพัฒนามีการหยุดชะงัก ผลเล็กไม่เจริญเติบโต หรือผลที่เติบโตเต็มที่แล้วจะมีอาการผลแตกในช่อผลได้  

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตรจึงแนะนำให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย โดยเฉพาะผู้ผลิตลำไยนอกฤดูในภาคตะวันออกที่ใกล้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคมนี้ หมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลผลิตให้มีคุณภาพ และให้เฝ้าระวังเพลี้ยแป้ง ซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญในลำไยเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด โดยเกษตรกรสามารถสังเกตลักษณะการทำลายของเพลี้ยแป้งลำไยได้บริเวณใบ ยอดอ่อน ช่อดอก และผล ตั้งแต่ระยะแทงตาดอกไปจนถึงผลแก่ ซึ่งเพลี้ยแป้งมักอาศัยดูดกินน้ำเลี้ยงในบริเวณส่วนต่าง ๆ ดังกล่าว โดยมีมดเป็นพาหะช่วยเคลื่อนย้ายไปและทำให้การระบาดรุนแรงมากขึ้นได้ ทั้งนี้ หากระบาดรุนแรงจะทำให้บริเวณที่ถูกทำลายเหี่ยวแห้ง และเพลี้ยแป้งจะขับถ่ายมูลหวานซึ่งเป็นแหล่งอาหารของราดำ ทำให้ราดำเจริญเติบโตปกคลุมส่งผลให้ลำไยเสียคุณภาพ

สำหรับ การควบคุมและป้องกันกำจัด เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงทุก 7 วัน พร้อมกับกำจัดมด โดยใช้ผ้าชุบน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว หรือชุบสารกำจัดแมลง ได้แก่ มาลาไทออน 83% EC อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือคาร์บาริล 85% WP อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พันไว้ที่โคนต้นและวัสดุค้ำยันต่าง ๆ และหากพบรังมดในแปลงปลูก ควรใช้เหยื่อพิษกำจัดมดโดยเร็ว รวมทั้งกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกด้วย โดยเฉพาะแห้วหมูและหญ้าคาเนื่องจากเป็นพืชอาศัยของเพลี้ยแป้ง โดยให้ถอนต้นและขุดเหง้าที่อยู่ในดินออก หรือใช้สารฮาโลซัลฟูรอน-เมทิล 75% WG พ่นระหว่างแถว ในกรณีที่เริ่มพบการระบาดของเพลี้ยแป้งเล็กน้อย ให้ตัดส่วนที่พบไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก ใช้น้ำฉีดพ่นให้เพลี้ยแป้งหลุดออกไป หรือใช้ ไวท์ออยล์ หรือปิโตรเลียม ออยล์ อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นในบริเวณที่พบการระบาด กรณีการระบาดรุนแรง ให้พ่นสารกำจัดแมลง ได้แก่ ไทอะมีทอกแซม 25% WG อัตรา 2.5 กรัม หรือไดโนทีฟูแรน 10% WP อัตรา 10 กรัม หรือมาลาไทออน 57% EC + ปิโตรเลียม ออยล์ 83.9% EC อัตรา 40 มิลลิลิตร อย่างใดอย่างหนึ่งผสมน้ำ 20 ลิตร แล้วพ่นสารอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกัน 7 วัน

ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO