นายลือชัย สุดสาคร กรรมการผู้จัดการของ TPN เปิดเผยว่า การเปิดให้บริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมาช่วยเสริมทัพธุรกิจอื่นๆ ของ PSTC ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศและสอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุบนถนน รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายระยะยาวของ PSTC ในการบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (ปี ค.ศ.2050) นอกจากนี้ บริษัทค้าน้ำมันต่าง ๆ ซึ่งจะมาเป็นผู้ใช้บริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อนี้ สามารถนำตัวเลขการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปชดเชยคาร์บอนเครดิตของบริษัทได้ด้วย
TPN ดำเนินธุรกิจให้บริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือและให้บริการคลังน้ำมัน โดยระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีระยะทางรวม 342 กิโลเมตร และมีกำลังการขนส่งสูงสุดต่อปีอยู่ที่ 5,443 ล้านลิตร ซึ่งจะเชื่อมต่อคลังน้ำมันของ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) ในจังหวัดสระบุรี ไปยังคลังน้ำมันขนาด 157 ล้านลิตร ของ TPN ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นคลังที่มีความทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีรถน้ำมันของกลุ่มลูกค้าบริษัทค้าปลีกน้ำมันชั้นนำของประเทศใช้บริการและมารับน้ำมันออกแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2566
ที่มา: เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี