เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต จัดพิธีสำเร็จการศึกษาภาคเรียนเดือนกรกฎาคม 2566 ปั้น 84 เชฟหน้าใหม่สู่วงการ ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอาหารที่วิวัฒน์ต่อเนื่อง

ศุกร์ ๐๖ ตุลาคม ๒๐๒๓ ๑๓:๔๐
โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต (Le Cordon Bleu Dusit Culinary School) จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษา ประจำภาคเรียนเดือนกรกฎาคม ปีการศึกษา 2566 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้สำเร็จหลักสูตรการประกอบอาหารคาวและขนมอบ (Le Grand Diplome) การประกอบอาหารคาวฝรั่งเศสชั้นสูง (Diplome de Cuisine) การประกอบขนมอบฝรั่งเศสชั้นสูง (Diplome de Patisserie) การทำขนมปัง (The Art of Bakery) และวิชาการครัวไทย (The Professional Thai Cuisine) รวมจำนวน 84 คน โดยสถาบันฯ มุ่งมั่นสร้างเชฟหน้าใหม่ที่มีคุณภาพเพื่อป้อนสู่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยบนแนวคิด Tradition Excellence and Innovation เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมและธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ลงมือทำ และนำเทคนิคต่าง ๆ ไปต่อยอดในการปฏิบัติงานบนแนวทางของตนเอง เพื่อร่วมยกระดับมาตรฐานวงการอาหารไทยให้สมกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นครัวของโลก (Kitchen of The World)

นางสาวสุชาดา สถาปิตานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต กล่าวว่า "ประเทศไทยถือเป็นแหล่งผลิตอาหารทั้งด้านอุตสาหกรรมอาหาร Street Food รวมถึงการผลิตวัตถุดิบและสินค้าการเกษตรที่สำคัญ จนได้รับฉายาว่าเป็น Kitchen of the World มาอย่างยาวนาน และทำให้การทำอาหารเป็นธุรกิจในฝันของหลาย ๆ คนและยังมีโอกาสการเติบโตต่อไปได้ สำหรับเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เรายึดมั่นแนวคิด Tradition Excellence and Innovation โดยนำหลักการเรียนการสอนผ่านการถ่ายทอดจากเชฟผู้สอนในแบบฉบับ Watch-Learn-Do เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ลงมือทำ และนำเทคนิคในการประกอบอาหารและขนมไปประยุกต์ใช้กับอาหารทุกรูปแบบ เพราะในปัจจุบัน ธุรกิจอาหารมีความหลากหลายซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นอาหารพร้อมรับประทาน อาหารแปรรูป อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารทดแทนเนื้อสัตว์ อาหารปราศจากกลูเต็น อาหารโปรตีนทางเลือก (Plant-based protein) ตลอดจนรูปแบบบริการใหม่ ๆ อย่างบริการ Food Delivery ก็ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่เชฟหน้าใหม่ได้มีพื้นที่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในเมืองไทยได้ง่ายขึ้น"

หลักสูตรของเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต จะมีระยะเวลาการเรียนการสอนประมาณ 3 เดือน หรือ 180 ชั่วโมงและ 240 ชั่วโมง เนื้อหาการเรียนจะประกอบด้วยการให้องค์ความรู้ เทคนิค และคำศัพท์ด้านการประกอบอาหารต่าง ๆ รวมถึงความปลอดภัยและสุขาภิบาลอาหาร (Food Safety & Hygiene) การสาธิตการประกอบอาหาร (Cooking Demonstration) และการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองในห้องปฏิบัติการครัวที่ออกแบบตามมาตรฐานและเหมาะสมกับอาหารประเภทต่าง ๆ พร้อมอุปกรณ์ครบครันและปรับปรุงให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ ดำเนินการสอนโดยเชฟมากประสบการณ์ในการทำงานจากโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขนมระดับมิชลินสตาร์และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตจากทั่วโลก เพื่อให้ผู้เรียนได้รับองค์ความรู้จากผู้ปฏิบัติงานที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพมาแล้วอย่างแท้จริง

นายฐิติกานต์ เอี่ยมฐิติกุล หนึ่งในผู้สำเร็จหลักสูตรประกาศนียบัตรการประกอบอาหารคาวและขนมอบ กล่าวว่า "ผมตัดสินใจมาเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เพราะอยากมีร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นเป็นของตัวเองที่ทำทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เมื่อได้ค้นคว้ามาแล้วพบว่าที่นี่เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาอย่างยาวนาน ก็ยิ่งเป็นการการันตีความสำเร็จของนักเรียนด้วย ยิ่งทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และเมื่อเข้าเรียนก็รู้สึกประทับใจมากที่ได้เรียนทั้งภาคทฤษฎีและมีการปฏิบัติจริง รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งมันทำให้ได้รับมิตรภาพดี ๆ มากมาย จึงอยากแนะนำเพื่อน ๆ ทุกคนที่มีความฝันและสนใจด้านการทำอาหารให้มาเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต รับรองว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดหวังแน่นอน"

นอกจากหนุ่มสาวผู้มีความฝันในการทำงาน อีกหนึ่งตัวอย่างของผู้เรียนที่มาศึกษาที่เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เพียงเพื่อเติมเต็มความสุขในครอบครัว แต่ภายหลังกลับทำเป็นอาชีพได้อย่าง นางสาวปาริชาติ ชวชาต หนึ่งในผู้สำเร็จหลักสูตรการประกอบขนมอบ ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการเรียนว่า "เราเป็นแม่บ้านมีลูกสาวที่น่ารักสองคน เหตุผลที่มาเรียนก็เพราะอยากอบขนมให้ลูก ๆ ทาน ซึ่งตอนแรกก็คิดว่ามาเรียนแบบสวย ๆ ไม่ต้องจริงจังมาก แต่พอเข้ามาแล้วมันไม่ใช่เลย ที่นี่คือโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนจริง ๆ มีคุณภาพ มาตรฐาน สัมผัสได้เลยว่าทั้งหลักสูตรทั้งเชฟมีความละเอียดทุกจุด ดังนั้น พอเริ่มเรียนไปสักระยะหนึ่งก็เริ่มชวนเพื่อน ๆ เปิดร้านขายขนมออนไลน์ร่วมกัน และในอนาคตก็มีแพลนจะเปิดหน้าร้านจริง ๆ เพราะมันเป็นความฝันของคนทำขนมทุกคน จึงอยากบอกว่าถ้าใครสนใจเรียนอบขนม ขอให้มาเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต แล้วจะไม่ผิดหวัง เพราะจะได้ทักษะและประสบการณ์ จนสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ค่ะ"

นอกเหนือจากหลักสูตรการประกอบอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ เนื้อหาการเรียนการสอนของ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ยังมีการเตรียมความพร้อมของผู้เรียนให้สามารถตอบโจทย์การทำงานในตลาดอาหารและเครื่องดื่มในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างแนวความคิดและองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการประกอบธุรกิจ การบริหารงานครัวและร้านอาหาร การจัดการขยะอาหารอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีมุมมองที่สำคัญในการทำงานหรือการประกอบธุรกิจของตนเอง นอกจากนี้ ยังสอดแทรกแนวทางอาหารแห่งอนาคตเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีและรักษ์โลกไปด้วยกัน รวมถึงการออกแบบคอร์สระยะสั้นรูปแบบใหม่ ๆ อาทิ ความรู้เกี่ยวกับไวน์และการจับคู่กับอาหาร คอร์สอาหารเพื่อสุขภาพ ฯลฯ เพื่อให้สอดรับกับตารางเวลาที่เร่งรีบของผู้เรียนในปัจจุบันอย่างเหมาะสม

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิตได้ที่https://www.cordonbleu.edu/thailand/home/th หรือสอบถามข้อมูลที่ E-mail: [email protected] ; LINE: @lecordonbleudusit หรือติดต่อที่ โทร. 02-237-8877

ที่มา: วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ