ทั้งนี้ JTS ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียง จะใช้ประโยชน์จากธุรกิจปัจจุบันของบริษัท ผนวกกับศักยภาพและความเชี่ยวชาญของบริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JasTel) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และผู้ให้บริการการเชื่อมต่อชั้นนำที่ให้บริการแก่บริษัทโทรคมนาคม (Telco) หลายแห่ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาพัฒนาธุรกิจใหม่ร่วมกับ KT ยิ่งไปกว่านั้น JTS ยังมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะผสานเทคโนโลยี AI เข้าไว้ในกระบวนการทำงานต่าง ๆ (Workflows) ของ JAS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ รวมถึงบริษัทในกลุ่ม JASMINE เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีความมุ่งหมายที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เป็นอาคาร AI ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย
JTS ตั้งเป้าหมายสมาชิกผู้ใช้บริการจากจุดเริ่มต้นจนถึง 5 ปีข้างหน้าไว้ที่จำนวน 10 ล้านราย และตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อปี
"นายซัง โด ลี กรรมการผู้จัดการ JTS" กล่าวว่า "ความร่วมมือระหว่าง JTS กับ KT ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม AI ของเรา ความเชี่ยวชาญของ KT บวกกับประสบการณ์ของ JasTel ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในเวทีภูมิภาคนี้ ทำให้เรามีความมั่นใจว่าจะสามารถนำเสนอโซลูชัน AI ที่โดดเด่น และไม่มีใครเหมือน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างแน่นอน"
"นาย เจโฮ ซง รองประธานบริษัท KT" กล่าวเพิ่มเติมว่า "KT มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ JTS ซึ่งมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของ AI เหมือน ๆ กัน และพร้อมที่จะขับเคลื่อน สร้างสรรค์นวัตกรรม ตลอดจนกำหนดมาตรฐานใหม่ ๆ ให้แก่อุตสาหกรรม AI ในภูมิภาคนี้ร่วมกับ JTS ต่อไป"
ที่มา: จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล