เวฟบีซีจี ธุรกิจผู้อยู่เบื้องหลังความยั่งยืนเพื่อโลก เพื่อธุรกิจ

จันทร์ ๑๖ ตุลาคม ๒๐๒๓ ๑๑:๐๒
เวฟ บีซีจี (Wave BCG) แนวร่วมที่แข็งแกร่งด้านความยั่งยืน Green Heroes for Life ที่พร้อมเป็นเบื้องหลังให้องค์กรไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นพันธมิตรของชไนเดอร์ อิเล็คทริค

ภายใต้วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ทำให้ทั่วโลกต่างร่วมมือกันปรับตัวเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน นโยบายของภาครัฐในหลายประเทศต่างออกมาตรการเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันให้องค์กรต้องไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือการหยุดปัญหาสภาพภูมิอากาศให้ไม่สูงไปกว่า 1.5 องศาให้ได้ หลายองค์กรที่อยู่ภายใต้ซัพพลายเชนของแต่ละประเทศ ต่างต้องมีการปรับตัวอย่างเต็มที่เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปต่อ และเพื่อช่วยโลกไปพร้อมๆ กัน

นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด เผยว่า "เวฟบีซีจี มีเป้าหมายในการเป็นผู้สนับสนุนให้องค์กรในประเทศไทย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และ Net Zero เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าในการแข่งขันบนเวทีโลกได้ด้วยการเป็นที่ปรึกษา และบริการแบบ One - Stop - Service ครอบคลุมการจัดหาโซลูชันด้านการบริหารจัดการพลังงาน กิจกรรมด้านการสร้างความยั่งยืน และการบริการคาร์บอนเครดิต เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน"

"เพราะหลากหลายมาตรการที่หลายประเทศทั่วโลกออกมาควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ล้วนส่งผลและผลักดันให้ธุรกิจต่างต้องเดินไปในทิศทางเดียวกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Carbon Tax ที่นานาประเทศต่างออกมาตรการ หรือ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) มาตรการภายใต้นโยบาย the European Green deal ป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาในยุโรป โดยนำร่อง 7 รายการ ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ปุ๋ย ปูนซีเมนต์ ไฟฟ้า และไฮโดรเจน ถ้าอยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องเตรียมการเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ CSR เป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น คือเรื่องของประเด็นด้านซัพพลายเชน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเข้าถึงแหล่งทุนของภาคธุรกิจ เช่น กองทุนต่างประเทศ ที่จะต้องมีคะแนนด้าน ESG เพื่อเข้าถึง Green Finance แม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยเอง ก็มีการขับเคลื่อน Thailand Taxonomy คือ มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมสำหรับประเมินการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และเป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อใช้อ้างอิงสำหรับการเข้าถึงบริการและเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม อนาคตสถาบันการเงินก็มีการปรับตัวไปสู่ความยั่งยืน เช่นกัน หากธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจที่ปลดปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก ธนาคารเองก็ไม่สามารถไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้เช่นกัน"

นายเจมส์ เผยต่อว่า "ปัจจุบันเวฟบีซีจี เป็นผู้ถือครองคาร์บอนเครดิตในอันดับต้นๆ ทั้งในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหลักๆ ได้มาจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable energy) และโครงการเพื่อผลิตคาร์บอนเครดิตต่างๆ โดยในส่วนของการเป็นที่ปรึกษา เวฟบีซีจี จัดว่าเป็นที่ปรึกษาทั้งมุมของผู้ซื้อและผู้ที่ต้องการขายคาร์บอนเครดิต

ในมุมผู้ซื้อ สำหรับองค์กรที่ต้องการลดคาร์บอนฟุตปริ้นของตัวเอง เวฟบีซีจี จะช่วยตั้งแต่เริ่มคำนวณคาร์บอนเครดิตให้องค์กรนั้นๆ และหาโอกาสหรือโซลูชั่นให้สามารถลดคาร์บอนภายในองค์กรได้มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การร่วมกันทำโร้ดแมพ ดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน การวางแผนการเงิน โดยมีพันธมิตรระดับโลกอย่างชไนเดอร์ อิเล็คทริค เข้ามาช่วยบริหารจัดการ ทั้งเรื่องการให้คำปรึกษา และโซลูชั่น นอกจากนี้เวฟบีซีจี ยังได้เป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันการเงินอีกด้วย

ในมุมของผู้ขาย เวฟบีซีจี ทำงานร่วมกับผู้รับรองมาตรฐานในการจะขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต อาทิ ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน หรือผู้ประกอบการที่มีโครงการลดก๊าซเรือนกระจก โดยบริการให้ตั้งแต่การขึ้นทะเบียน การขอมาตรฐาน การกำหนดราคาขาย พร้อมทั้งการรับซื้อ เรียกได้ว่าช่วยเป็นตัวแทนได้อย่างครบวงจร

ยิ่งกว่านั้น เวฟบีซีจี ยังมีการจัดตั้งโครงการ Climate Project เป็นโครงการที่ช่วยให้องค์กรที่ต้องการลดคาร์บอนมาร่วมมือกัน เช่น โครงการปลูกป่า ซึ่งปัจจุบันมีแผนที่จะปลูกป่าทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ถึง 3 ล้านไร่ มีการพัฒนาพันธุ์ไม้ชื่อว่าซิลเวอร์โอ๊ค มาปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีอัตราการเติบโตที่ดี และมีความแข็งแกร่ง สามารถปลูกได้ทุกที่ ทุกสภาพดิน ไม่ว่าจะเป็นกลางแดด ใต้ร่ม โอกาสรอดมากยิ่งขึ้น ภายใต้ชื่อ 'ซิลเวอร์เวฟ กับ โกลเด้นเวฟ' ความโดดเด่นที่นอกเหนือจากความทนทานคือ สามารถดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าต้นไม้ปกติ ยิ่งไปกว่านั้น เวฟบีซีจียังกำลังคิดค้นนวัตกรรมการปลูกพืชเกษตรต่างๆ ปัจจุบันเวฟบีซีจีอยู่ในคณะทำงานของกรมวิชาการเกษตร

นายเจมส์เผยว่า "เพราะว่าเรื่องเกษตรเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ เราจึงต้องสนับสนุนชาวนา ชาวไร่ ในการพัฒนาด้านการเกษตรเพื่อลดคาร์บอน เช่น มันสำปะหลัง มะม่วง ทุเรียน อ้อย และอื่นๆ ล่าสุดเรากำลังทดสอบการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง เพราะประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวส่งออกเป็นรายต้นๆ ของโลกอยู่แล้ว กลยุทธ์คือว่า เดิมทีการปลูกข้าวของประเทศไทย เป็นลักษณะให้ต้นข้าวแช่น้ำอยู่ในนา ซึ่งการแช่น้ำ ส่งผลให้ต้นข้าวบางส่วนเน่า การเน่าของต้นข้าวจะทำให้เกิดก๊าซมีเทนลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยาอากาศ เทียบกับคาร์บอนก็เกือบ 30 เท่า ทว่าการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง นอกจากเป็นการลดการเน่าของต้นข้าวแล้ว เกษตรกรยังสามารถลดการใช้น้ำได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ลดมีเทนได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างรวดเร็ว เหนืออื่นใดสามารถเปลี่ยนเป็นคาร์บอนเครดิตได้ ทำให้เกษตรกรที่เข้าร่วมมีรายได้เสริมจากการขายคาร์บอนเครดิตอีกด้วย ขณะที่ภาคธุรกิจที่ร่วมลงทุนก็สามารถนำเป็นเป็นคาร์บอนเครดิตได้เช่นกัน

การสนับสนุนให้องค์กรไปสู่ความยั่งยืน สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้นั่นคือเรื่องของเทคโนโลยี เวฟบีซีจีได้เลือกเทคโนโลยีสำหรับสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในทุกๆ อุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เรียกว่า Climate Project เพื่อที่จะตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่จะใช้เทคโนโลยีไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งได้มีการเลือกโซลูชั่นจากทางชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างความยั่งยืนระดับโลกอีกด้วย

นอกจากนี้เวฟบีซีจียังเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดนิทรรศการ หรืออีเวนต์ที่ผู้จัดงานต้องการให้กิจกรรมที่เกิดขึ้นมีคาร์บอนเป็นศูนย์ อีกด้วย

นายสเตฟาน นูสส์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า "การร่วมกันต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ และสร้างความยั่งยืน นับว่าเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับทุกธุรกิจในปัจจุบัน ต้องอาศัยความร่วมมือกันในทุกระดับ ทุกองค์กรไม่ได้จำกัดเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ จะเป็นองค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม หรือสถาบันต่างๆ ก็สามารถมาร่วมแบ่งปันเรื่องราวด้านความยั่งยืนร่วมกัน เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดกระแสและการปฏิบัติไปสู่ความยั่งยืนของโลกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น"

"เราได้รับการตอบรับที่ดีจากองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ในการมาร่วมเล่าถึง เป้าหมายด้านความยั่นยืนและวิธีดำเนินการขององค์กรนั้นๆ ในโครงการ Green Heroes for Life ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่แต่ละองค์กรมาร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์และความเป็นผู้นำในการก้าวสู่องค์กรที่ยั่งยืน"

มาร่วมเป็น Green Heroes for Life ด้วยกัน เพื่อสร้างองค์กรที่ยั่งยืน และเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมาย Net Zero ในอนาคตร่วมกัน" สนใจเข้าร่วม คลิกที่นี่ https://www.se.com/th/th/work/campaign/local/green-heroes-for-life.jsp

ที่มา: เอพีพีอาร์ มีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version