กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--กทม.
กทม. ตรวจสอบคุณสมบัติรถพยาบาลฉุกเฉินของมูลนิธิอาสาสมัครต่างๆ กว่า 100 คัน เตรียมขึ้นทะเบียน ร่วมเครือข่ายหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่กทม.
ดร.วัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการตรวจคุณสมบัติรถพยาบาลฉุกเฉินของมูลนิธิอาสาสมัครต่างๆ และโรงพยาบาลของรัฐในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมขึ้นทะเบียนและเข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร อันเป็นไปตามปฏิญญาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่จะบริหารการจัดบริการรถพยาบาลฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานครให้เป็นระบบและมีเอกภาพ ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก รวดเร็ว และได้รับบริการจากหน่วยบริการที่มีมาตรฐาน
ในการนี้กรุงเทพมหานครจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการและหน่วยปฏิบัติการในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย นายแพทย์พีระพงษ์ สายเชื้อ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ ผู้ชำนาญการจากโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครและโรงพยาบาลภาครัฐ ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตลอดจนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสาขากรุงเทพมหานคร ซึ่งแต่งตั้งโดยกรุงเทพมหานคร
และได้ประกาศมาตรฐานของหน่วยบริการและคุณภาพของบุคลากรทุกระดับที่จะเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้ประสบเหตุ อุบัติภัย และผู้ป่วยวิกฤตทั่วกรุงเทพมหานครต้องเป็นรถตู้ที่มีอุปกรณ์ตามมาตรฐานกำหนด โดยมีโรงพยาบาลเอกชน องค์กรอิสระ มูลนิธิที่มีชื่อเสียง อาทิ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิร่มไทร ศูนย์พิรุณ มูลนิธิหนองจอกราชพฤกษ์ มูลนิธิสยามร่วมใจฯ ให้ความร่วมมือเข้าร่วมเครือข่ายปฏิบัติการของกรุงเทพมหานครและส่งรถพยาบาลฉุกเฉินเข้าตรวจคุณสมบัติ กว่า 30 คัน สำหรับรถพยาบาลในสังกัดโรงพยาบาลเอกชนอีกกว่า 70 คัน คณะกรรมการฯ จะเร่งดำเนินการตรวจสภาพให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2550
- พ.ย. ๒๕๖๗ คสช.ห่วงใยผู้ประสบภัยอาคารถล่ม ปทุมธานี
- พ.ย. ๒๕๖๗ เซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมเคียงข้างสู้วิกฤตโควิด-19 ในโครงการ "คนไทยไม่ทิ้งกัน"
- พ.ย. ๒๕๖๗ ปภ.รับมอบเงินจากมูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนางาน อปพร.
- พ.ย. ๒๕๖๗ มูลนิธิยูพีเอสมอบเงินสมทบทุนแก่มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคมจำนวน 40,000ดอลลาร์สหรัฐ (1,400,000 บาท) สำหรับการซ่อมบำรุงโรงเรียนในเชียงรายและโครงการอบรมครูอาสา