ด้วยพื้นที่ขนาด 220,000 ตารางเมตรโดยประมาณ ทำให้โรงงานแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดสำหรับกลุ่มบริษัทเอสซีลอร์ลูซอตติกาทั่วโลก โดยมีความสามารถในการผลิตแบบครบวงจรในสถานที่เดียวสามารถผลิตเลนส์สายตาไปจนถึงกรอบแว่นตามใบสั่งแพทย์ แว่นกันแดด และชุดประกอบครบชุดทั้งเลนส์และกรอบแว่นประกอบด้วยอุปกรณ์ที่เป็นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สามารถรวมระบบอัตโนมัติเข้ากับกระบวนการผลิต
การจัดตั้งโรงงานที่ล้ำสมัยใกล้กับตลาดเป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อความแข็งแกร่งและความคล่องตัวของห่วงโซ่อุปทานของกลุ่มบริษัทฯ ที่สนับสนุนความสามารถในการจัดการกับการขยายปริมาณ รับประกันคุณภาพ และส่งเสริมนวัตกรรม ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลดวงตาและแว่นตาคุณภาพสูงที่หลากหลายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
โรงงานแห่งใหม่นี้จะเสริมการดำเนินงานที่มีอยู่ของกลุ่มบริษัทฯทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงโรงงานหลักในเกาหลี จีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม และอินเดีย
ความร่วมมือระยะยาวกับภาครัฐในประเทศไทย ระบบนิเวศน์ที่มีความสามารถมากขึ้น ความสามารถด้านเทคโนโลยี และนโยบายสภาพแวดล้อม เป็นปัจจัยที่ดึงดูดให้บริษัทฯเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทั้งหมดถือเป็นแรงจูงใจสำคัญสำหรับการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเรา
"ทางเรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในการขยายฐานการผลิตที่โรงงานใหม่แห่งนี้ให้กับพื้นที่ทางอุตสาหกรรมทั่วโลกของเอสซีลอร์ลูซอตติกา (EssilorLuxottica) ทั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวครั้งสำคัญในความมุ่งมั่นของเราในการรับมือความต้องการของสุขภาพทางสายตาทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น โดยผ่านการจัดตั้งระบบการผลิตที่รวมกัน หลากหลาย และมีความสมดุลทางภูมิศาสตร์มากยิ่งขึ้น โรงงานแห่งใหม่นี้ครอบคลุมทั้งกระบวนการผลิตแบบครบวงจร ไปจนถึงการขนส่ง ซึ่งในที่เดียวกันจะมีทั้งผลิตภัณฑ์เลนส์สายตาและกรอบแว่น ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นเอสซีลอร์ลูซอตติกาในทุกวันนี้ ที่เป็นบริษัทที่มีการบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบและมีจุดยืนที่โดดเด่นไม่เหมือนใครเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในด้านผลิตภัณฑ์ดูแลดวงตาแว่นตาที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนเชิงกลยุทธ์ของเราในประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นระยะยาวต่อการเติบโตของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตเชิงกลยุทธ์และการแข่งขันระดับโลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" กล่าวโดย Giorgio Striano และ Norbert Gorny ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการร่วม เอสซีลอร์ลูซอตติกา(EssilorLuxottica)
"ในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ของเอเชีย ประเทศไทยมีความสามารถและโครงสร้างพื้นฐานในการคิดค้น ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงโซลูชั่นในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกด้วยการใช้ความสามารถเชิงลึกของประเทศไทยในด้านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ซึ่งการขยายธุรกิจครั้งล่าสุดของเอสซีลอร์ลูซอตติกาที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้กระชับความร่วมมือกับเอสซีลอร์ลูซอตติกาเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องระยะยาว และสร้างโอกาสในการทำงานที่ดีให้กับคนไทยต่อไป" รัฐมนตรีพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
เอสซีลอร์ลูซอตติกาคาดว่าจะสร้างงานใหม่ในท้องถิ่นได้มากถึง 6,000 ตำแหน่งใน 5 ปีข้างหน้า ภายในโรงงานแห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดระยอง ที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งประกอบไปด้วยวิศวกร และพนักงานที่มีทักษะสูงอื่นๆจำนวนมาก เพื่อทำงานกับเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย กระบวนการทำงานแบบระบบอัตโนมัติและระบบดิจิตอลขั้นสูง รวมไปถึงงานโลจิสติกส์ที่ซับซ้อน การจ้างงานครั้งนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างโมเดลเศรษฐกิจ Thailand 4.0 ที่เน้นย้ำการเติบโตในด้านนวัตกรรม การบริการ และเทคโนโลยีดิจิทัลชั้นสูง
โรงงานใหม่แห่งนี้ได้รับการรับรองจาก LEED Gold โดยตระหนักถึงความยั่งยืนที่มีมาตรฐานสูงสุด จากจุดยืนในด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการพิจารณาประกอบไปด้วยการใช้แผงโซลาร์เซลล์เพื่อสร้างพลังงานทดแทน และระบบขั้นสูงเพื่อลดการใช้น้ำโดยใช้เทคโนโลยีการบำบัดแบบรีไซเคิล ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ "Eyes on the Planet" ของเอสซีลอร์ลูซอตติกา รวมถึงความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ต่อความเป็นกลางของคาร์บอน (Carbon neutrality)
เอสซีลอร์ลูซอตติกาดำเนินกิจการอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯมีโรงงานการผลิตและห้องปฏิบัติการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 3 แห่งในประเทศไทยได้แก่ ชลบุรี ลาดกระบัง และระยอง รวมไปถึงออฟฟิศและร้านค้าขายปลีกในกรุงเทพมหานคร
ที่มา: เอเดลแมน (ประเทศไทย)