ปัจจุบันระบบการศึกษากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ยุคข้อมูลระบบ Digital ทั่วโลก อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการเรียนการสอนของสถาบันศึกษาให้เปลี่ยนไปจากรูปแบบที่เป็นอยู่เดิม ทั้งสื่อการเรียนการสอน และการใช้เทคโนโลยีในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสถาบันการศึกษาและนักเรียนต่างปรับตัวเข้าสู่การเรียนรู้วิถีใหม่ โดยมีการเรียนออนไลน์และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นคือ แม้สถาบันสามารถออกเอกสารทางการศึกษาและเอกสารอื่นๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ปัญหาหลักคือเมื่อเอกสารถูกนำไปใช้ยืนยันต่อองค์กรภายนอก การยืนยันว่าเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวมีความถูกต้องหรือถูกปลอมแปลงหรือไม่ยังคงทำได้ยาก ในขณะที่เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างสวนทางกับความเชื่อใจที่ลดลงเมื่อมีการทำธุรกรรมระหว่างกัน
ด้วยเหตุนี้ โครงการ CERTIFILE จึงได้ร่วมมือกับ CAMT เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสำหรับเอกสารโครงการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของนักศึกษา โดยสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาและผู้เกี่ยวข้องของคณะ เช่น การจัดคอร์สอบรม รวมถึงเอกสารการเข้าร่วมการฝึกงานที่ CAMT ร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์ของ Bitkub โดยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ในรูปแบบของ NFT (Non-Fungible Token) ผ่านมาตรฐาน KAP-721 บนเครือข่าย Bitkub Chain ที่มีคุณสมบัติขั้นต่ำเทียบเท่ากับ ERC-721 ของเครือข่าย Ethereum ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในระดับสากล อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบเอกสารได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง และตรวจสอบธุรกรรมได้บน BKC Scan
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ CAMT CMU ที่ใส่ใจในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนให้กับนักศึกษา โดย ผศ.ดร.วรวิชญ์ จันทร์ฉาย คณบดี ได้ให้ความเห็นว่าทาง CAMT มีความสนใจและมีแนวคิดที่จะนำแพลตฟอร์ม Certifile มาใช้ในการทำ Activity Transcript NFT ของนักศึกษา, ใบอบรมต่าง ๆ ของคณะ รวมถึงโครงการด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งยังมีแนวคิดที่จะนำไปต่อยอดเป็นมาตรฐานการทำงานร่วมกับคณะอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทั้งนี้ นายธวัชชัย ตั้งวรกิจถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีพีซีเอกซ์ จำกัด ได้กล่าวเสริมถึงมุมมองของภาคเอกชนและธุรกิจในเครือสหพัฒน์ ซึ่งมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และเป็นโอกาสอันดีในการสร้างสะพานระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคธุรกิจ เพื่อให้สามารถคัดเลือกบุคลากรได้อย่างมั่นใจผ่านการยืนยันเอกสารด้วยระบบ Certifile ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การใช้กับเอกสารต่าง ๆ ระหว่างภาคธุรกิจด้วยกัน
นอกจากนี้ นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ได้ร่วมสนทนาและให้ความเห็นถึงประโยชน์ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและศักยภาพ ที่จะยกระดับการศึกษาและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากบล็อกเชน โดย คุณภาสกร มีมุมมองว่าการพัฒนาโครงการที่ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานนี้ ทำให้ประเทศไทยมีความพร้อมและก้าวเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในเวทีโลก อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน และ NFT รวมถึงเทคโนโลยีอื่นที่เกี่ยวเนื่องของโครงการ Certifile นำมาประยุกต์ใช้กับเอกสารสำคัญของนิสิตนักศึกษา หรือมหาวิทยาลัย เพื่อให้นิสิต นักศึกษา มหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ บริษัทเอกชน หรือบุคคลหรือองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง สามารถตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสำคัญทางการศึกษาดังกล่าว รวมถึงความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมด้านอื่น ๆ โดยจะสามารถสร้างประสิทธิภาพสูงสุดให้กับเทคโนโลยีบล็อกเชนได้
ที่มา: กู๊ดไทม์ พีอาร์