ทิสโก้เปิดสถิติ 6 สงครามสำคัญ คาดระยะสั้นบอนด์ยิลด์ - น้ำมัน ราคาทองขึ้นจำกัด

พุธ ๒๕ ตุลาคม ๒๐๒๓ ๑๑:๑๘
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดสถิติความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์การลงทุน ได้แก่ หุ้น น้ำมัน ทองคำ อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond yield) และดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงภาวะสงครามครั้งสำคัญตั้งแต่ปี 2534 ถึง 2565 คาดในระยะสั้นราคาทองคำและน้ำมันจะปรับขึ้นจำกัด ขณะที่ Bond yield ในระยะสั้นจะยังทรงตัวในระดับสูง แต่ในระยะกลางถึงระยะยาวยาวยังคงมองว่า Bond yield จะยังสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าหุ้นตามมุมมองเดิม

นางสาวทิพย์รัตน์ นันทปรีดาวัฒน์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า จากการศึกษาข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์การลงทุนต่าง ๆ ได้แก่ หุ้น น้ำมัน ทองคำ อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond yield) และดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงภาวะสงครามครั้งสำคัญตั้งแต่ปี 2534 ถึง 2565 จำนวน 6 ครั้ง พบว่าในช่วงที่เกิดสถานการณ์ตึงเครียด ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงราว 2 เดือนก่อนที่สงครามจะรุนแรงขึ้น และจะฟื้นตัวประมาณ 5-10% ในช่วง 1 เดือนที่สงครามเกิดขึ้น ส่วนราคาน้ำมันจะเร่งตัวขึ้นแรงในช่วง 3 เดือนก่อนเกิดสงคราม โดยมักจะทำจุดสูงสุดในช่วง 1 เดือนสุดท้าย ก่อนจะพลิกกลับมาทรงตัวที่ระดับต่ำกว่าก่อนสงครามประมาณ -10%

ในขณะที่ราคาสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven) ไม่เห็นการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนหลังเกิดสงคราม โดยราคาทองคำมักจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดช่วงตึงเครียดก่อนเกิดสงคราม และเคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบแคบหลังจากนั้น ส่วน Bond yield ระยะยาวมักจะปรับตัวลดลงราว 3 เดือนก่อนเกิดสงคราม และเคลื่อนไหวทรงตัวในช่วง 1 เดือนหลังจากนั้น ด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar index) มักจะเคลื่อนไหวทรงตัวต่อเนื่อง 1-2 เดือนก่อนและหลังเกิดสงคราม

นางสาวทิพย์รัตน์กล่าวอีกว่า สำหรับมุมมองความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์การลงทุนในปัจจุบันนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์การลงทุนในเหตุการณ์สงครามระหว่างกลุ่มฮามาสและ อิสราเอลในครั้งนี้คล้ายกับช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนในปี 2565 โดยในระยะสั้นราคาทองคำและน้ำมันอาจปรับขึ้นได้จำกัด เพราะรับข่าวสงครามไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ Bond yield ในระยะสั้นจะทรงตัวใกล้ระดับปัจจุบัน แต่ในระยะกลางและยาวยังคงมองว่าจะปรับตัวลดลงตามมุมมองเดิม

"การตอบสนองของสินทรัพย์ในรอบนี้ มีความคล้ายกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2565 เห็นได้จากการรีบาวน์ขึ้นของราคาน้ำมัน และทองคำ แต่หากเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวเฉลี่ยในอดีตในช่วงที่เกิดสงคราม พบว่าราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว สะท้อนว่าที่ระดับราคาในปัจจุบันน่าจะตอบรับต่อภาวะสงครามไปพอสมควร ด้าน Bond yield ในระยะสั้นแม้ว่าจะยังทรงตัวในระดับสูง แต่ในระยะกลางและระยะยาวจะปรับลดลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า และหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2567 พันธบัตรรัฐบาลมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้น" นางสาวทิพย์รัตน์กล่าว

ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๙ ผู้ถือหุ้น READY อนุมัติปันผล อัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น ปักธงปี 68 รายได้โต 10% เติบโตตามเทรนด์การตลาดยุคดิจิทัล
๑๗:๐๗ JMART เตรียมเงินพร้อมคืนหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท ตอกย้ำเสถียรภาพการเงินปิดจ๊อบหุ้นกู้ 856.6 ล้านบาท ขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่น
๑๗:๓๗ Lorde เซอร์ไพรส์! ส่งเพลงใหม่ในรอบ 4 ปี What Was That พร้อมเอ็มวีแนว Vlog สุดเท่ ซีนยิ่งใหญ่แฟนเพลงรวมตัวกว่า 8,000
๑๗:๐๔ Kenny G คัมแบ็ค!! ชวนแฟน ร่วมดื่มด่ำสุนทรียภาพดนตรีแจซระดับโลกอีกครั้ง ใน Kenny G Live in Bangkok 2025 เปิดแสดง 4 กรกฎาคม
๑๗:๒๓ เปิดประตูสู่อนาคตไอที รำไพพรรณี MOU นครระยองวิทยาคมฯ สร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่
๑๗:๐๘ JGAB 2025 เวทีอัญมณีและเครื่องประดับอาเซียนระดับโลก ดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าและนวัตกรรมเครื่องประดับอย่างยั่งยืน
๑๗:๐๒ อ.อ.ป. ร่วมยินดี อคส. ครบรอบ 70 ปี
๑๗:๓๗ กองทรัสต์อัลไล เดินหน้าขยายพอร์ต เตรียมลงทุน! 2 โครงการใหม่ ทีเท็น บาย วิลเลจ ฮับ และ วิลเลจ ฮับ สายไหม โครงการคอมมูนิตี้มอลล์บนทำเลศักยภาพ
๑๗:๓๕ Bangkok Climate Action Week (BKKCAW) รวมพลังคนกรุง สู้วิกฤตโลกร้อน
๑๗:๓๑ Sherwood Corporation จับมือ Conquest Crop Protection Pty Ltd ขยายช่องทางสู่ตลาดเคมีเกษตรในออสเตรเลีย