ในการบรรลุหมุดหมายนี้ ทรินา โซลาร์ ใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการผลิตโมดูลและเซลล์ชนิดเอ็นไทป์หน่วยแรกในเฟสที่ 2 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วและความคล่องตัว ตลอดจนความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอมูลค่าที่มากขึ้นให้กับลูกค้าในยุคของเทคโนโลยีเอ็นไทป์
โมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น 610 วัตต์ ใช้เทคโนโลยีซิลิคอนเวเฟอร์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 210 มม. และเทคโนโลยีเซลล์ไอ-ท็อปคอน ชนิดเอ็นไทป์ ซึ่งถือเป็นแนวหน้าของอุตสาหกรรมด้วยประสิทธิภาพเฉลี่ยสูงสุดที่ 25.8% สำหรับโมดูลที่ผลิตในปริมาณมาก และสามารถใช้งานร่วมกับโครงสร้างรองรับแผงโซลาร์เซลล์แบบหมุนตามดวงอาทิตย์ (Tracker) ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น 13% สำหรับโครงสร้างแบบแถวเดียว นอกจากนี้ ขนาดของโมดูลที่เป็นนวัตกรรมใหม่และได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังช่วยเพิ่มขอบเขตในการใช้งานระดับสาธารณูปโภค หรือในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม พร้อมทั้งปรับปรุงอัตราการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ 40HC เป็น 98.5% ซึ่งช่วยให้ลูกค้าประหยัดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS)
โมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น 610 วัตต์ มีขนาด 2,382 x 1,134 มม. ซึ่งเป็นขนาดที่ทรินา โซลาร์ เป็นผู้บุกเบิก และอุตสาหกรรมให้การยอมรับและนำไปใช้ ทั้งนี้ ในฐานะผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ ทรินา โซลาร์ ถือเป็นผู้นำในการผลักดันการสร้างมาตรฐานด้วยแนวคิดและการออกแบบผลิตภัณฑ์ "ขนาดมาตรฐานทองคำ" (Golden Size)
ทรินา โซลาร์ จัดหาโมดูล Golden Size ขนาดกลางให้กับโครงการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าแบบไฮบริดจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำจำนวนสองแห่งในมณฑลเสฉวน และโครงการเซลล์แสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมขนาด 6.1 เมกะวัตต์ ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู
เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต ทรินา โซลาร์ ได้นำรูปแบบแบบบูรณาการมาใช้ในโรงงานผลิต ทำให้บริษัทสามารถส่งมอบโมดูลชนิดเอ็นไทป์ได้อย่างไร้กังวล นอกจากนี้ การผลิตเซลล์และโมดูลชนิดเอ็นไทป์เฟสที่ 2 ในเมืองหวายอัน ยังช่วยรับประกันกำลังการผลิตที่เพียงพอสำหรับเซลล์และโมดูลเทคโนโลยีเอ็นไทป์ อีกทั้งยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการส่งมอบโมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น 610 วัตต์ อย่างมีประสิทธิภาพ ภายในสิ้นปีนี้ คาดว่ากำลังการผลิตเวเฟอร์ชนิดเอ็นไทป์ของทรินา โซลาร์ จะแตะที่ 50 กิกะวัตต์ กำลังการผลิตโมดูลแตะที่ 95 กิกะวัตต์ และกำลังการผลิตเซลล์แตะที่ 75 กิกะวัตต์ ซึ่งรวมถึงเซลล์ชนิดเอ็นไทป์ 40 กิกะวัตต์ โดยทั้งหมดนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีไอ-ท็อปคอน ชนิดเอ็นไทป์