นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) เปิดเผยว่า มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐจะช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริโภคได้มากในช่วงสถานกาณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังรอการฟื้นตัว โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการของภาครัฐที่จะออกมาต่อจากนี้ จะส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และต่อเนื่องถึงปี 2567 จะเป็นแรงส่งให้ตลาดเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดรวมที่ 12,500 ล้านบาท และตั้งเป้าที่จะเติบโต 13,250 ล้านบาท ในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมานับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งโอกาส และความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องรับมือ โดยในด้านของโอกาสของธุรกิจรับสร้างบ้าน สะท้อนให้เห็นจากผลการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2023" เมื่อวันที่ 20 - 24 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงความต้องการปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภคว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คิดเป็นมูลค่าสร้างบ้านสูงถึง 4,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งเป็นการตอบรับที่ดีเกินคาดในกลุ่มบ้านระดับราคา ราคา 5 - 10 ล้านบาท และ 2.5 - 5 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่นัก
ส่วนที่เป็นความท้าทายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ และคาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกของปี 2567 ก็คือ ต้นทุนในการทำธุรกิจ ทั้ง ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ค่าวัสดุก่อสร้าง และอื่น ๆ รวมถึงดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ราคาบ้านมีแนวโน้มขยับขึ้นไปอีก 3 - 5%
"ปัจจัยของต้นทุนการก่อสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้บริษัทรับสร้างบ้านต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งอาจจะส่งผลให้ผู้บริโภคที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน ชะลอ หรือ เลื่อนการตัดสินใจออกไป โดยทางสมาคมฯ ยังคงเกาะติดสถานการณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมาสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค และกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท การลดค่าครองชีพ การส่งเสริมท่องเที่ยวเรื่องฟรีวีซ่า รวมทั้งการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวและธุรกิจส่งออก จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น" นายโอฬาร กล่าว
ทั้งนี้ มาตรการที่ทางสมาคมฯ มองว่าน่าจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของกำลังซื้อควรดำเนินการทั้ง "เร่ง" และ "ลด" ไปพร้อมกัน โดยเสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงมาตรการด้านภาษีต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้บริโภคที่ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง สามารถนำมูลค่าสร้างบ้านที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ตามเอกสารอากรแสตมป์ (อ.ส.4) นำไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
ขณะเดียวกันก็ "ลดข้อจำกัด" ในการประกอบธุรกิจ เช่น ลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับปลูกสร้างบ้าน เป็นต้น ซึ่งแนวทางดังกล่าว มีส่วนผลักดันให้ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นจากมาตรการใหม่ ๆ ที่จะออกมา
"การลดหย่อนภาษีจะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภค และกระตุ้นตลาดให้ฟื้นกลับมาดีขึ้น และเชื่อมั่นว่าเป็นแนวทางที่เห็นผลเร็วที่สุด แม้ว่ากำลังซื้อส่วนใหญ่ในตลาดยังมีความกังวล แต่หากมีมาตรการของรัฐบาลออกมากระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นจะทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเรียลดีมานด์ ที่สร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงกล้าตัดสินใจมากขึ้น" นายโอฬาร กล่าว
ที่มา: เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง