- แม้การลงทุนที่ยั่งยืนจะเพิ่มสูงขึ้นในระดับโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แต่ตลาดเกิดใหม่ยังคงได้รับการไหลเข้าของเงินทุนด้าน ESG ไม่ถึง 10% ในทั่วโลก
- หลังจากความสำเร็จของกรอบการทำงาน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวล (Inclusive ESG Framework) ซึ่งพัฒนาโดยสถาบัน FII เมื่อปี 2565 ในปีนี้ สถาบัน FII ได้จับมือกับอีเอสจี บุ๊ก (ESG Book) เพื่อสร้างเครื่องมือออนไลน์และคะแนนสำหรับนักลงทุนในการวิเคราะห์การดำเนินงานด้าน ESG และเพื่อให้ตัดสินใจในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
- เพื่อจัดการกับช่องว่างด้านข้อมูลในการวิเคราะห์สำหรับตลาดเกิดใหม่ คะแนน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวลระบุรายชื่อบริษัทที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้าน ESG พร้อมทั้งเสริมสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
- คะแนน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวลเป็นรากฐานของการจัดอันดับด้าน ESG ซึ่งระบุรายชื่อบริษัทในตลาดเกิดใหม่ที่ยั่งยืนที่สุด 250 แห่ง โดยเปิดตัวในการประชุมระดับเรือธงครั้งที่ 7 ของสถาบัน FII ในกรุงริยาด ได้แก่งาน FII
- เครื่องมือใหม่นี้มีศักยภาพที่จะช่วยลดช่องว่างของการลงทุนด้าน ESG ในตลาดเกิดใหม่ได้ 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถาบันโครงการลงทุนเพื่ออนาคต (Future Investment Initiative หรือ FII) มูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกซึ่งมุ่งจัดการกับความท้าทายระดับโลก ได้เปิดตัวเครื่องมือและคะแนน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวล (Inclusive ESG Tool and Score) ในการประชุมระดับเรือธงประจำปีของ FII เพื่อยกระดับคุณภาพของข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG ในตลาดเกิดใหม่ และสนับสนุนให้บริษัทในตลาดเหล่านี้ได้รับการไหลเข้าของเงินทุน โครงการริเริ่มดังกล่าวนี้พัฒนาขึ้นร่วมกับผู้นำระดับโลกด้านข้อมูลและเทคโนโลยีความยั่งยืนอย่างอีเอสจี บุ๊ก (ESG Book)
เครื่องมือ ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวลของสถาบัน FII พัฒนาขึ้นเพื่อมอบพลังสนับสนุนบริษัทในตลาดเหล่านี้ให้ยกระดับความพยายามและผลลัพธ์ด้านความยั่งยืน พร้อมทั้งช่วยให้นักลงทุนสามารถระบุผู้นำในการดำเนินงานในปัจจุบันและอนาคต
แม้ในทศวรรษที่ผ่านมาจะมีการลงทุนด้าน ESG เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่มุ่งเน้นความยั่งยืนเป็นมูลค่าราว 38 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก แต่ตลาดเกิดใหม่ยังคงได้รับการไหลเข้าของเงินทุนด้าน ESG ไม่ถึง 10% แม้จะมีสัดส่วนเป็น 58% ของจีดีพีโลก เครื่องมือ ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวลตัวใหม่นี้มีศักยภาพที่จะช่วยลดช่องว่างของการลงทุนด้าน ESG ได้ 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดเกิดใหม่[1]
การสัมภาษณ์โดยสถาบัน FII กับนักลงทุนระดับแนวหน้าของโลกเผยว่า หน่วยงานประเมินด้าน ESG เป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการเพิ่มการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ โดยมีความท้าทายหลักคือการที่หน่วยงานประเมินหลายแห่งใช้ดัชนีชี้วัความสำเร็จของผลงาน (KPI) ที่ไม่สอดคล้องกับตลาดเกิดใหม่
ในปี 2565 กรอบการทำงานและระเบียบวิธี ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวล (Inclusive ESG Framework and Scoring Methodology) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสถาบัน FII จัดการกับความต้องการนี้ด้วยการตอบคำถามสำคัญสำหรับนักลงทุน ได้แก่ " การดำเนินงานด้าน ESG ที่ดีมีลักษณะเช่นไรในตลาดเกิดใหม่"
ในปีนี้ ด้วยการเปิดตัวเครื่องมือและคะแนน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวล สถาบัน FII เล็งเห็นความจำเป็นของการมีมาตรวัดที่ออกแบบมาสำหรับความท้าทายของตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะ แนวทางแบบมุ่งเน้นประเด็นสำคัญอย่างเป็นระบบเน้นย้ำความเสี่ยงของอุตสาหกรรม ทำให้มีการประเมินที่เสมอภาคสำหรับบริษัทที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและความเที่ยงตรง คะแนนดังกล่าวนี้แยกระหว่างการวิเคราะห์ด้านผลดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูล
การวิเคราะห์หลักของชุดเครื่องมือนี้ได้แก่ คะแนนแรงขับเคลื่อนด้าน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวล (Inclusive ESG Momentum Score) ซึ่งบูรณาการการดำเนินงานในปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัท โดยให้ความสำคัญกับความมุ่งมั่นขององค์กรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้วยการบ่งชี้การดำเนินงานด้าน ESG ในอนาคต เมื่อผนวกรวมกับคะแนนการดำเนินงานด้าน ESB (ESG Performance Score) และคะแนนการเปิดเผยข้อมูล (Disclosure Score) ในปัจจุบันของบริษัทแล้ว คะแนนแรงขับเคลื่อนด้าน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวลนี้มอบภาพที่ครอบคลุมและมีรายละเอียดของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กร
สถาบัน FII และอีเอสจี บุ๊ก ใช้คะแนนใหม่นี้ ในการร่วมกันพัฒนาการจัดอันดับด้าน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวล 250 อันดับแรก (Top 250 Inclusive ESG Ranking) เพื่อระบุรายชื่อบริษัทในตลาดเกิดใหม่ที่มีความยั่งยืนที่สุด การจัดอันดับนี้เปิดตัวควบคู่กับเครื่องมือใหม่ดังกล่าวในการประชุมระดับเรือธงของสถาบัน FII ณ กรุงริยาด ได้แก่งาน FII7 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 ตุลาคม 2566
ในการนี้ คุณริชาร์ด แอตเทียส (Richard Attias) ซีอีโอของสถาบัน FII กล่าวว่า "โลกของเราประสบกับความท้าทายใหญ่หลวง รวมถึงภาวะโลกร้อน ความเสื่อมถอยอย่างรวดเร็วของความหลากหลายทางชีวภาพ และค่าครองชีพที่สูงเกินแบกรับมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับคนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเราจะไร้ซึ่งเครื่องมือในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ตลาดการเงินระดับโลกของเราเชื่อมโยงถึงกันและขับเคลื่อนโดยการเปลี่ยนแปลงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา การลงทุนในโครงการริเริ่มด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหา เงินทุนเหล่านี้ควรที่จะได้รับการจัดสรรอย่างมีกลยุทธ์ไปสู่ตลาดเกิดใหม่ ที่ซึ่งผลกระทบของเงินทุนเป็นสิ่งที่มีความต้องการมากที่สุด พร้อมทั้งทำให้เกิดผลตอบแทนที่จำเป็นสำหรับความอยู่รอดเฟื่องฟูของตลาดเหล่านี้"
ดร.แดเนียล คลีเยร์ ( Dr Daniel Klier) ซีอีโอของอีเอสจี บุ๊ก กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้ทำงานร่วมกับสถาบัน FII ในการส่งเสริมแนวทางใหม่สำหรับข้อมูลด้าน ESG ในตลาดเกิดใหม่ คะแนน ESG ที่ยึดโยงกับคนทั้งมวลเป็นเครื่องมือรุ่นใหม่สำหรับนักลงทุน ซึ่งระบุชี้ตัวผู้นำด้านความยั่งยืนในปัจจุบันและอนาคต ด้วยแนวทางที่โปร่งใสและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งออกแบบสำหรับตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะ ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ เราตั้งตารอที่จะมอบโซลูชันซึ่งยกระดับการตัดสินใจด้านการลงทุน และช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการไหลเข้าของการลงทุนด้าน ESG ไปสู่บริษัทในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น"
อ้างอิง
1) ในปี 2564 3.4% ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ระดับโลกที่มุ่งเน้นด้าน ESG อยู่ในตลาดเกิดใหม่ ขณะที่ 20.2% ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการระดับโลกอยู่ในตลาดเกิดใหม่ เป็นช่องว่างมูลค่า 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อีเอสจี บุ๊ก, 2566
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสอบถามเกี่ยวกับสื่อได้ที่ (ระบุรายละเอียด)
เกี่ยวกับสถาบัน FII
สถาบันโครงการลงทุนเพื่ออนาคต หรือสถาบัน FII คือมูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่มีเครื่องมือการลงทุนและมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือการสร้างอิทธิพลเชิงบวกต่อมนุษยชาติ เราขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและดำเนินงานอย่างครอบคลุมในระดับโลก เราส่งเสริมผู้มีไอเดียดี ๆ จากทั่วโลกและเปลี่ยนไอเดียเหล่านั้นให้เป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริงในสี่ส่วนสำคัญด้วยกัน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิทยาการหุ่นยนต์ การศึกษา การดูแลสุขภาพ และความยั่งยืน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fii-institute.org/
เกี่ยวกับอีเอสจี บุ๊ก
อีเอสจี บุ๊ก (ESG Book) เป็นผู้นำระดับโลกด้านข้อมูลและเทคโนโลยีความยั่งยืน โดยมีภารกิจในการเปลี่ยนแปลงการเงินผ่านความยั่งยืน ด้วยการทำให้ข้อมูลด้าน ESG เข้าถึงได้ เปรียบเทียบได้ และโปร่งใส อีเอสจี บุ๊ก เป็นผู้ให้บริการรายเดียวในโลกที่บูรณาการชุดข้อมูลด้านความยั่งยืนระดับโลกที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งรายงานโดยองค์กรบริษัทต่าง ๆ เข้ากับแพลตฟอร์มการเปิดเผยข้อมูล โซลูชันของอีเอสจี บุ๊ก ใช้งานโดยองค์กรการเงินรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกหลายแห่ง อย่างเช่น บลูมเบิร์ก (Bloomberg), บีเอ็นวาย เมลลอน (BNY Mellon), ซิตี้ (Citi), ดาวโจนส์ (Dow Jones), เจพีมอร์แกน (JP Morgan), เอชเอสบีซี (HSBC) และกลาส ลูอิส (Glass Lewis) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ esgbook.com