อย่างไรก็ดี สาเหตุที่มอง JMT เป็นอีกหุ้นเซฟโซน เพราะภาพรวมการเติบโตทุกปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 20 - 30% ต่อปี และมีโครงสร้างทุน D/E อยู่ในระดับต่ำ เป็นผู้นำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศไทย มีบริษัทย่อยในกลุ่มและบริษัทร่วมทุนที่แข็งแกร่ง อย่าง บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด และ บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) และสามารถแสวงหาโอกาสการเติบโตได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ สำหรับภาพรวมครึ่งปีหลังสัญญาณดี และคาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากการเดินหน้าซื้อหนี้ต่อเนื่อง หนุนพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพในปัจจุบันสูงราว 5 แสนล้านบาท (รวม JK AMC) สอดรับภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทยยังอยู่ในระดับสูงราว 16 ล้าน ลบ. หรือคิดเป็น 90.6% ของ GDP สะท้อนโอกาสการซื้อหนี้เข้ามาบริหารของ JMT และสนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโต และทำ New High ต่อเนื่อง
โดยก่อนหน้านี้ นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึง แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ยังคงมีทิศทางที่สดใส มองปีนี้เป็นปีที่ JMT ซื้อหนี้เข้ามามากที่สุด ทำ All Time High และปีนี้ได้ซื้อหนี้สะสมเข้ามาแล้วมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท ส่งผลบวกต่อบริษัทฯ ในปีนี้ และปี 2567 ต่อเนื่อง
ที่มา: ไออาร์ พลัส