'โอสถสภา' โชว์ผลงานไตรมาส 3 แกร่ง รายงานกำไรสุทธิ 642 ล้านบาท หนุนด้วยการเติบโตของธุรกิจหลักในประเทศ

พฤหัส ๐๙ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๐๙:๑๙
'โอสถสภา' โชว์ผลงานไตรมาส 3 แกร่ง รายงานกำไรสุทธิ 642 ล้านบาท หนุนด้วยการเติบโตของธุรกิจหลักในประเทศ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดฯ มั่นใจปีนี้ทำกำไรได้ตามเป้าหมาย

'บมจ. โอสถสภา (OSP)' เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ทำรายได้จากการขาย 6,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และมีกำไรสุทธิ 642 ล้านบาท เติบโต 163% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชี้ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยมีแบรนด์ 'เอ็ม-150' และ 'ซี-วิท' ครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ควบคู่กับอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของราคาวัตถุดิบและราคาพลังงาน รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ มีเงินปันผลรับจากเงินลงทุนจำนวน 300 ล้านบาทและรายการพิเศษจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจโดยรวมเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาว ส่งผลให้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 1,969 ล้านบาท พร้อมประกาศมั่นใจปีนี้ทำกำไรได้ตามเป้าหมาย

นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ในไตรมาสนี้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ โดยแบรนด์ 'เอ็ม-150' คงความเป็นผู้นำตลาด ตอกย้ำความสำเร็จจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านความหลากหลายของกลุ่มสินค้า ที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ร่วมกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมแรงสนับสนุนจากแบรนด์ 'ลิโพ' ที่เติบโตโดดเด่นในปีนี้ เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ โดยแบรนด์ 'ซี-วิท' สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีได้อย่างแข็งแกร่ง มีการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เสริมด้วยการเติบโตของเครื่องดื่มแบรนด์ 'เปปทีน' และ 'คาลพิส แลคโตะ' ที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และทำการตลาดเป็นผลสำเร็จได้อย่างน่าประทับใจ สามารถทำยอดขายเติบโตเป็นเลขสองหลักได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งช่วยสนับสนุนพอร์ตโฟลิโอกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ในกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของวิตามินซีของโอสถสภาให้ขยายตัวได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลประสบความสำเร็จในการผลักดันการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ร่วมกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ 'เบบี้มายด์' เป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์สบู่อาบน้ำเด็ก ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายแบรนด์ 'ทเวลฟ์ พลัส' ขึ้นแท่นมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 และยอดขายเติบโตอย่างน่าพอใจในอัตราเลขสองหลัก ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2566 ทำได้ 642 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 163% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายที่เติบโตได้ดีและการบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาดที่สอดคล้องกับทิศทางของตลาด ประกอบกับราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับลดลง ส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 35.4% ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจากทั้งไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับบริษัทฯ มีเงินปันผลรับจากเงินลงทุนจำนวน 300 ล้านบาทและรายการพิเศษจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจโดยรวมเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาว ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,969 ล้านบาท

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 โอสถสภาคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากกลยุทธ์ทางการตลาด และความหลากหลายของแบรนด์พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลัง กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล-ดริงก์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ประกอบกับเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง สอดรับกับโอกาสทางการตลาดจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าบริหารจัดการด้านการผลิตและต้นทุน เพื่อบรรลุอัตราการทำกำไรให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ