นายธีระชัย พงศ์พนางาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2566 (สิ้นสุด 30 กันยายน 2566) ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 401.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 33.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการให้บริการจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นภายหลังจากทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการ COVID-19
ซึ่งรายได้ของ SAV มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
- รายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงในประเทศ (Landing & Take-off: Domestic)
- รายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงระหว่างประเทศ (Landing & Take-off: International)
- รายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินผ่านเขตน่านฟ้ากัมพูชา (Overflight)
SAV มีกำไรปกติจากการดำเนินงาน (ก่อนอัตราแลกเปลี่ยน) ในไตรมาส 3 ปีนี้ที่ 145.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก กำไรปกติในไตรมาส 3 ปีก่อน 24.3% และ มีกำไรในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ อยู่ที่ 90.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 3.1% เมือเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาส 3 ปีนี้ มีค่าใช้จ่ายพิเศษครั้งเดียวเกี่ยวกับการนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2566 นี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเนื่องจากการให้บริการจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น หลังจากทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 และเปิดประเทศในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ไตรมาสนี้มีจำนวนเที่ยวบินอยู่ที่ 24,213 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 4,438 เที่ยวบิน หรือคิดเป็น 22.4 % จาก ไตรมาสเดียวกันของปีทีผ่านมา และเพิ่มขึ้น 1,114 เที่ยวบิน หรือ 5.0 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 241.9 ล้านบาท หรือ 27.8% และมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น บริษัทฯ อยู่ที่ 204.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.6% เมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือนของปีก่อน
สำหรับไตรมาส 4 นี้ นับว่าเป็นช่วง Peak Season ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบิน คาดว่าแนวโน้มของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาในประเทศไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ในด้าน Overflight ที่เป็นรายได้หลักของบริษัทฯ ให้เติบโตต่อเนื่อง อีกทั้ง คาดว่าจำนวนเที่ยวบินเข้าและออกประเทศกัมพูชาจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้รายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงจากต่างประเทศ และรายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงในประเทศจะเติบโตเช่นกัน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 บริษัทฯจะมีสถานะการเงินเป็น Cash Company ที่ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย เนื่องจาก บริษัทฯได้ชำระคืนหนี้ธนาคารครบถ้วนในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จึงเป็นผลดีต่อการดำเนินงานต่อไปทุกๆไตรมาส ซึ่งในปี 2566 SAV คาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน และจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้ในปี 2567 จะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% เช่นกัน ในขณะที่รายได้จากการประกอบธุรกิจก็มีทิศทางการเติบโตที่เป็นบวกอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถคำนวณได้จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบิน ทั้งบินผ่านน่านฟ้ากัมพูชาและ เที่ยวบินขึ้นลงในกัมพูชา โดยเฉพาะ เมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ในไตรมาสสุดท้ายของปี ก็จะยิ่งสะท้อนโอกาสในการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น นายธีระชัย กล่าวปิดท้าย
บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding company) โดยเน้นการลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจการจราจรทางอากาศ หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการจราจรทางอากาศ ในประเทศกัมพูชา โดย SAV ได้มีการถือสัดส่วนร้อยละ 100.00 ในบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด ("CATS") ซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่ประกอบธุรกิจดำเนินการจัดตั้งระบบและให้บริการควบคุมการจราจรในกัมพูชา โดยมีสัมปทานยาวนานกว่า 40 ปี จึงมีความมั่นคงทางธุรกิจสูง และอยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางอากาศซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงและ SAV มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% และ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลกว่า 4.4%
ที่มา: แบรนด์ เวลท์