ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 323.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 308.09 ล้านบาท จำนวน 15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.87% และมีกำไรสุทธิ 15.51 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.09 ล้านบาท จำนวน 1.58 ล้านบาท หรือลดลง 0.92%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 มีรายได้รวม 116.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 105.98 ล้านบาท จำนวน 10.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.50% และมีกำไรสุทธิ 5.97 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.13 ล้านบาท จำนวน 0.16 ล้านบาท หรือลดลง 2.61%
สาเหตุรายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก บริษัทสามารถส่งมอบงานได้ตามกรอบระยะเวลา และรับรู้รายได้โครงการควบคุมงานระยะสั้นจากภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรับรู้ผลส่วนแบ่งขาดทุนจากการกลับรายการรายได้ของบริษัทลูกจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น โดยบริษัทเร่งส่งมอบงาน เพื่อทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่ดำเนินการอยู่ อาทิ โรงพยาบาลนครธน 2 โครงการบริหารและควบคุมโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี โรงพยาบาลธีรพร บริการศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลศัลยกรรมตาอินซ์ (inZ) โครงการศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลเวชธานี และโครงการจากกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาในการรับงานบริหารจัดการและควบคุมการก่อสร้างสนามบินทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 490 ล้านบาท และมีงานที่รอเซ็นสัญญาอีกจำนวนกว่า 40.78 ล้านบาท โดยอยู่ในระหว่างเสนองานเพื่อเติม Backlog อย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวแล้ว PPS พร้อมที่จะขยายธุรกิจใหม่ด้านที่ปรึกษาความยั่งยืนในงานก่อสร้าง (Sustainability Consultants) ร่วมถึงให้บริการการอบรม PPS Academy ให้ความรู้เรื่องหลักสูตรมาตรฐานการควบคุมงาน การจัดการข้อมูลสารสนเทศน์ในงานก่อสร้าง การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนในงานก่อสร้าง เป็นต้น
"PPS ประกาศเจตนารมณ์ในการตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2030 โดยเป้าหมายแรกคือความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ในการพัฒนาธุรกิจด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด ซึ่งในปีนี้ได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ปี 2566 ที่ระดับ "AA" และได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับระดับ 5 ดาว "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ประกอบกับการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงเชื่อว่าจะสามารถต่อยอดงานบริการให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิมและขยายไปในฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต" ดร.พงศ์ธร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีมติอนุมัติออกหุ้นกู้เสนอขายใหม่ เพื่อชำระหุ้นกู้ที่เหลือจำนวน 120 ล้านบาท ครบกำหนดชำระเดือนก.พ.2567 จากยอดหุ้นกู้เดิม 200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความสามารถในการทยอยชำระหนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดหุ้นกู้เหลือตามจำนวนดังกล่าว
ที่มา: เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่