โรงเรียน กทม.เข้มงวดมาตรการ "นับ ตรวจตรา อย่าประมาท" เพิ่มความปลอดภัยรถรับ-ส่งนักเรียน

อาทิตย์ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๒๐:๓๓
นางสาวศุภร คุ้มวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม.กล่าวถึงแนวทางการสร้างเครือข่ายรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย โดยกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง และผู้ประกอบการรถรับ-ส่งนักเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า กทม.มีหนังสือสั่งการผู้อำนวยการสถานศึกษากำชับผู้ปกครอง หรือผู้ประกอบการรถตู้ที่ใช้รถตู้ในการรับ-ส่งนักเรียนให้ตรวจสอบภายในรถตู้ทุกครั้งเมื่อส่งนักเรียนที่โรงเรียนแล้ว โดยได้กำหนดมาตรการให้โรงเรียนเข้มงวดและปฏิบัติตามกฎ หรือระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถรับ-ส่งนักเรียนจนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียทั้งร่างกายและจิตใจ ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 "นับ" พนักงานขับรถรับ-ส่งนักเรียน ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องนับจำนวนเด็กก่อนขึ้นและหลังลงจากรถทุกครั้ง โดยครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง และพนักงานขับรถฯ ควรมีกลุ่มไลน์ เพื่อตรวจนับนักเรียนผ่านกลุ่มไลน์ว่า นักเรียนถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ กรณีพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง หากต้องให้นักเรียนเดินทางไปกับรถส่วนบุคคล หรือรถของบุคคลอื่น หรือขาดเรียน ให้แจ้งผ่านกลุ่มไลน์ หรือโทรศัพท์แจ้งให้โรงเรียนและพนักงานขับรถฯ ทราบ เพื่อบันทึกไว้ในสมุดตรวจสอบรายชื่อนักเรียน มาตรการที่ 2 "ตรวจตรา" ตรวจตรายานพาหนะและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ถังดับเพลิง ค้อนประจำรถให้มีความปลอดภัยเหมาะสมต่อสภาพการใช้งาน ตรวจตราจำนวนนักเรียนทุกครั้งที่มีการขึ้น-ลงรถ และก่อนล็อกประตูรถ โดยตรวจสอบภายในรถทุกครั้งว่า มีเด็กอยู่ในรถหรือไม่ และมาตรการที่ 3 "อย่าประมาท" อย่าทิ้งเด็กไว้เพียงลำพังแม้ช่วงเวลาสั้น ๆ หากพบเห็นเด็กอยู่ในรถ ขอให้คนรอบข้างช่วยเหลือและโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 รวมถึงพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือประชาชนทั่วไป ควรช่วยสอดส่องดูแล หากพบเห็นรถรับ-ส่ง หรือพนักงานขับรถโรงเรียน มีลักษณะขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ควรเรียกร้องให้โรงเรียนแก้ไขปรับปรุง

ขณะเดียวกัน กทม.ได้กำหนดมาตรการความปลอดภัยและกำชับให้โรงเรียนในสังกัด กทม.เข้มงวดเรื่องการรับ-ส่งนักเรียนและปฏิบัติตามกฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถรับ-ส่งนักเรียน จนอาจเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียทั้งร่างกายและจิตใจ โดยโรงเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียน เครือข่ายผู้ปกครอง และชุมชน จัดทำมาตรการแนวทางการปฏิบัติในการรับ-ส่งนักเรียน ร่วมกันจัดระบบรักษาความปลอดภัยการเดินทางและกำหนดหน้าที่ผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน เช่น ครูเวรดูแลการรับ-ส่งนักเรียนด้านหน้าประตูโรงเรียน ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่เทศกิจช่วยดูแลในช่วงเช้าและช่วงเวลาเลิกเรียน กรณีโรงเรียนอยู่ในซอยลึกให้โรงเรียนประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจดูแลจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้แก่เด็กนักเรียนและผู้ปกครอง

นอกจากนั้น กทม.ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กทม.และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อพัฒนาหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษาสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ พิการ ด้อยโอกาส เมื่อวันที่ 20 ต.ค.65 ได้ดำเนินโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข (ทุนเสมอภาค) โดยจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่นักเรียนจากครอบครัวที่ยากจน/ด้อยโอกาส เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา รวมถึงค่าเดินทางมาเรียนของนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ที่ผ่านการคัดกรองตามเกณฑ์ในอัตรา ดังนี้ ชั้นอนุบาล คนละ 4,000 บาท/ปี ชั้นประถมศึกษา คนละ 3,000 บาท/ปี และชั้นมัธยมตอนต้น คนละ 3,000 บาท/ปี ซึ่งเริ่มคัดกรองนักเรียนยากจนในปีการศึกษา 2/2565 มีนักเรียนได้รับทุนเสมอภาค จำนวน 1,091 คน คิดเป็นเงิน 1,706,000 บาท และดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปีการศึกษา 1/2566 มีนักเรียนที่ได้รับทุนเสมอภาค จำนวน 1,194 คน คิดเป็นเงิน 1,846,000 บาท

นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานคร (ศปถ.กทม.) ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเดินทางของนักเรียนและที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ หลายโครงการ อาทิ การกำหนด School Zone เพื่อติดตั้งเครื่องหมายจราจร อุปกรณ์ความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด (CCTV) หน้าโรงเรียน โครงการเด็กเริ่มผู้ใหญ่ร่วม โครงการแจกหมวกกันน็อกให้นักเรียนสังกัด กทม.และโครงการเดินรถ BMA Feeder ย่านสามเสนเชื่อมต่อฝั่งธนบุรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักเรียนช่วงก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ

ทั้งนี้ เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลให้มีมาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พ.ย.66 สจส.จะได้นำประเด็นดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ศปถ.กทม.เพื่อหารือแนวทางการจัดตั้งคณะทำงานฯ จัดทำแผนความปลอดภัย แก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการพัฒนาระบบจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนให้มีความปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไป

ที่มา: กรุงเทพมหานคร

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย