'ETL' ปักหมุดรายได้ปี 66 เติบโต 15-20% เร่งเครื่องขยายธุรกิจขนส่ง Reefer Container แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร รุกขยายบริการสู่ประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา ผลงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ทำกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท

จันทร์ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๐:๐๖
'บมจ.ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ หรือ ETL' ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน ปักหมุดรายได้ปี 66 เติบโต 15-20% พร้อมวางเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ไม่ต่ำกว่าระดับ 10-15% เร่งเครื่องขยายธุรกิจขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร รุกขยายสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่นประเทศลาว และประเทศกัมพูชา คาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2/67 ส่วนผลงานงวด 9 เดือนปี 66 ทำรายได้รวม 950 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 15% สูงสุดในรอบ 3 ปี จากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงลดจำนวนวิ่งรถขนส่งเที่ยวเปล่า

นางสาว กฤชวรรณ ซื้อเจริญชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2566 เติบโตเฉลี่ย 10-15% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 1,481.72 ล้านบาท พร้อมกับวางเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิทั้งปีไม่ต่ำกว่า 5-10% แม้มีแรงกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กระทบปริมาณการขนส่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้บริหารจัดการต้นทุนการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและขาออกรวมถึงการขยายเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) ประกอบกับได้เพิ่มยานพาหนะและอุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าจะส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 นับเป็นการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจโลจิสติกส์ คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตจากไตรมาส 3/2566 โดยปัจจุบันเริ่มมีดีมานด์เข้ามาต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น เตรียมนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน และคืนเงินกู้ยืมระยะยาวบางส่วน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในปีหน้าลดลงกว่า 15% และ คาดว่าอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดลงเหลือ 1.44 เท่า จากสิ้นไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 1.60 เท่า

ในปี 2567 บริษัทฯ มุ่งมั่นเข้าสู่ธุรกิจขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) มากขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิแบบคงที่ตลอดการขนส่งสินค้า เช่น สินค้าเกษตรที่มีการขนส่งผลไม้สด ทุเรียน รวมถึงยาและเวชภัณฑ์ โดยบริษัทฯ พร้อมเดินหน้านำเสนอการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบวัดอุณหภูมิภายในตู้คอนเทนเนอร์และแสดงผลให้คนขับรถทราบ รวมถึงมีระบบส่งข้อมูลอุณหภูมิอัตโนมัติมายัง Command Center แบบ Real Time ในแต่ละประเทศเพื่อให้มั่นใจได้ว่า บริษัทฯ สามารถควบคุมระดับอุณหภูมิในตู้คอนเทนเนอร์ได้ตามความต้องการของลูกค้าเพื่อคงคุณภาพของสินค้าไว้ได้ตลอดเที่ยวการขนส่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำแผนเพื่อขยายขีดความสามารถให้บริการแก่ผู้ใช้บริการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในไตรมาส 1/2567 เบื้องต้นเตรียมลงทุนขยายตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มอีกกว่า 50 ตู้ หรือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปัจจุบันมี 35 ตู้ พร้อมตั้งเป้าหมายปี 2567 จะมีปริมาณการขนส่งผ่าน Reefer Container ไม่ต่ำกว่า 1,500-2,000 ตู้

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ โดยรูปแบบอาจเป็นการร่วมทุนหรือการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือสามารถเสริมศักยภาพของธุรกิจ ปัจจุบันได้มีการศึกษาหาความเป็นไปได้ควบคู่กับเจรจากับพันธมิตรกัมพูชาและเมียนมาร์ เพื่อขยายตลาดให้ครอบคลุมการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป

กรรมการผู้จัดการบริษัท ETL กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม - กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 304 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในหลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและจำนวนเที่ยวการขนส่งลดลง ด้านกำไรสุทธิทำได้ 15.3 ล้านบาท ลดลง 43% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 27.2 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 ฐานของกำไรสุทธิของบริษัทฯได้รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไว้จำนวน 8 ล้านบาท ส่งผลให้ฐานกำไรค่อนข้างสูง รวมถึงมีดีมานด์ขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากรัฐบาลจีนเริ่มผ่อนปรนการเปิดด่านชายแดน

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม - กันยายน) มีรายได้รวม 950 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,122.40 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว สอดคล้องกับสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของกรมการค้าระหว่างประเทศ ที่มีมูลค่ารวมการส่งออกและนำเข้าเฉลี่ยลดลง 2.06% และ 2.53% ตามลำดับ ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 47 ล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 51.2 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากตัดผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 14 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารกว่า 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งได้บริหารเที่ยวรถขนส่งขากลับให้มีปริมาณสินค้าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 15% สูงสุดในรอบ 3 ปี

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ