เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 16 ครั้ง คิดเป็นเงิน 3.01224 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินคืนทุนไป 3 ครั้ง คิดเป็นเงิน 0.220 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 3.23224 บาทต่อหน่วย
โดยตั้งแต่ปีปฏิทิน 2566 เป็นต้นไป หากกองทุนฯ จะมีการจ่ายเงินคืนทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างปีปฏิทิน กองทุนฯ จะรวบรวมเงินคืนทุนดังกล่าวไปจ่ายพร้อมกับเงินจ่ายที่จะพิจารณาจากรอบผลการดำเนินงานสุดท้ายของปีปฏิทินนั้นๆ โดยสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 32.2 ล้านบาท หรือ 0.06260 บาทต่อหน่วย และสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 58.1 ล้านบาท หรือ 0.11284 บาทต่อหน่วย
สำหรับสรุปผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 พบว่า มีรายได้รวม 615.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 475.9 ล้านบาท ลดลง 2.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกปี 2566 เท่ากับ 77.4% ลดลงจาก 79.6% ในงวดเดียวกันของปีก่อน
ในส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2566 พบว่ามีรายได้รวมเท่ากับ 173.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 20.4% จากไตรมาสก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 126.2 ล้านบาท ลดลง 1.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 25.7% จากไตรมาสก่อน ส่วนอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ อยู่ที่ 73.0% ลดลงจาก 75.6% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 78.1% ในไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ที่มา: กองทุนบัวหลวง