UAC โชว์กำไร 9 เดือน โต 204.06% (YoY) ประกาศเร่งเครื่อง ดันรายได้ปี 2027 แตะ 4 พันลบ. ลุยขยายธุรกิจพลังงาน "ปิโตรเลียม - โรงไฟฟ้าชุมชน - โรงงานผลิต RDF"

อังคาร ๑๔ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๓:๒๐
บมจ.ยูเอซี โกลบอล ("UAC") ประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2566 โกยรายได้ 1,258.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.80% (YoY) โดยมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 257.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.06% (YoY) และ EBITDA อยู่ที่ 397.97 ล้านบาท จากการเติบโต 3 กลุ่มธุรกิจ และรับรู้ส่วนแบ่งกำไร - เงินปันผลจากบริษัทร่วม ด้าน CEO "ชัชพล ประสพโชค"ประกาศขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ลุยลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดใน-นอกประเทศ ดันเป้าปีรายได้ปี 2027 แตะ 4,000 ลบ.

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ "UAC" เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในงวด 9 เดือนแรกปี 2566 โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,258.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289.04 ล้านบาท หรือ 29.80% (YoY) และมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 257.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172.62 ล้านบาท หรือ 204.06%(YoY) ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 397.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.47%

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯมีรายได้จากการขายและบริการ 460.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.14 ล้านบาท หรือ 42.35% (YoY) และพลิกเป็นกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 76.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.71 ล้านบาท หรือ 1,550.99% (YoY) และมี EBITDA อยู่ที่ 117.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213.06%

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างโดดเด่น นั้น โดยหลักมากจากการรับรู้รายได้จากการขายและให้บริการจากกลุ่มธุรกิจ Trading ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 32.42% (YoY) จากปัญหาการขนส่งสินค้าที่เริ่มคลี่คลาย กลุ่มธุรกิจ Manufacturing - Energy ยังคงมีรายได้ที่ลดลง 8.21% (YoY) จากวัตถุดิบหลักที่ไม่เพียงพอต่อการผลิต อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ เพิ่มขึ้นในไตรมาสถัด ๆ ไปจากการขาย RDF3 ในสปป.ลาว และการขายไฟฟ้าจากโรงผลิตไฟฟ้าภูผาม่าน และกลุ่มธุรกิจ - Petroleum ที่ทยอยรับรู้รายได้และคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการติดตั้งเครื่อง Artificial lift เพื่อเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมให้ได้วันละ 300 BBL/Day พร้อมทั้ง รับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และเงินปันผลจากบริษัทร่วมอย่างต่อเนื่อง

"จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเจอแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มองว่าเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากภาระเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ดังนั้น UAC จึงให้ความสำคัญในการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทำให้บริษัทมีเงินสดในมือ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 จำนวน 250.73 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) 0.84 เท่า ยังคงเป็นไปตามกรอบนโยบายทางการเงินของบริษัทที่ไม่เกิน 2 เท่า"

นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการการลงทุนต่าง ๆ ว่า สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าภูผาม่าน (PPM) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เดินเครื่อง Generator#1 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ ภายในเดือนธันวาคม 2566 นี้ ส่วนGenerator#2 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 1/2567

ส่วนโครงการ PT Cahaya Yasa Cipta (CYC) ซึ่งเป็นโครงการภายการการลงทุนของบริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (บริษัทย่อย) ร่วมลงทุนใน PT Cahaya Cipta สัดส่วน 70% เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย RDF3 ในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตประมาณ 40,000 ตัน/ปี โดยจะจำหน่ายให้กับโรงปูนซีเมนต์ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้มีการวางศิลาฤกษ์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 และอยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นขอใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาส 3/2567

และด้วยกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดข้างต้นจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตตามเป้ารายได้ที่วางไว้ในปีนี้เพิ่มขึ้น 15% ควบคู่กับการรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 20% ของรายได้ยอดขายรวม พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการเตรียมปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ของ UAC Group เพื่อเป้าหมายรายได้ 4,000 ล้านบาทในปี 2027

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับการประเมินตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2566 อยู่ในระดับ "ดีเลิศ (Excellent)" หรือ 5 ดาว ที่จัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ถือเป็นการสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านการบริหารงานอย่างมีความรับผิดชอบ โปร่งใส และให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกส่วน ซึ่งสอดกับวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น สู่การเป็นผู้ประกอบการด้านพลังงานสะอาด ปิโตรเคมีและสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG)

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ