นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Deputy Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง นักลงทุนบางท่านอาจกังวลเรื่องขาดทุนเงินต้น จากประเด็นดังกล่าว บลจ.ทิสโก้ จึงเพิ่มโอกาสการลงทุนให้กับลูกค้า ด้วยการเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 2 (TGLINK2) ความเสี่ยงระดับ 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ประมาณ 97-99% ของทรัพย์สินสุทธิ (NAV) เพื่อลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เงินลงทุนเติบโตเป็น 100% ของเงินลงทุนทั้งหมดเมื่อครบอายุโครงการ และเงินลงทุนในส่วนที่เหลือ ประมาณ 1-3% ของ NAV จะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่อ้างอิงการเปลี่ยนแปลงของ กองทุน SPDR Gold Shares เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนไม่ว่าราคาทองคำจะเป็นขาขึ้น หรือขาลงเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 15-20 พฤศจิกายน 2566
"ในช่วงที่ตลาดการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูง ผู้แนะนำการลงทุนมักแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต แต่ราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาผันผวนมาก โดยหลังจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่ปะทุขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม ราคาทองคำพุ่งขึ้น 10% แตะระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน แต่ปัจจุบันราคากลับปรับลงจนกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดสงครามแล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์ Bloomberg คาดว่าใน 1 ปีข้างหน้าราคาทองคำจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,720-2,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ด้วยความผันผวนของราคาทองคำที่ค่อนข้างสูงนี้ จึงมองว่าการลงทุนทองคำผ่านกองทุนประเภท Complex Fund อย่าง กองทุน TGLINK2 น่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี ไปพร้อมๆ กับช่วยลูกค้าลดความเสี่ยงขาดทุนเงินต้นได้" นายสาห์รัชกล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุน TGLINK2 มีโอกาสรับผลตอบแทนตามการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำทั้งขาขึ้นและขาลง โดยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงสุดก่อนปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 5.99-7.99% หากราคากองทุน SPDR Gold Shares ปรับขึ้นไม่เกิน 15% และปรับลงไม่เกิน 20% เมื่อเทียบกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันเริ่มต้นสัญญา แต่หากราคาสินทรัพย์ระหว่างอายุสัญญาปรับเพิ่มขึ้นเกิน 15% หรือลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์ ณ วันเริ่มต้นสัญญา ก็ยังจะได้รับเงินผลตอบแทนชดเชยที่ 0.25%
นายสาห์รัชกล่าวอีกว่า บลจ.ทิสโก้เชื่อว่าในช่วง 1 ปีข้างหน้าราคาทองคำจะไม่เพิ่มขึ้นกว่า 15% และไม่ลงไปกว่า 20% แม้ปัจจุบันจะมีปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เช่น สงครามอิสราเอล-ฮามาส แต่จากการเก็บข้อมูลการเกิดสงครามตั้งแต่ปี 2534 ถึง 2565 จำนวน 6 ครั้ง โดย TISCO ESU พบว่า ในช่วงสงครามราคาทองคำมักจะปรับขึ้นโดยเฉลี่ยไม่เกิน 10% สำหรับข้อมูลสนับสนุนที่ทำให้บลจ.ทิสโก้คาดว่าราคาทองคำไม่น่าจะปรับลงไปกว่า 20% นั้น วิเคราะห์จากข้อมูล Company Reports ของบริษัทเหมืองทองสำคัญ 10 แห่ง พบว่า มีเหมืองทองคำมีต้นทุนโดยเฉลี่ยที่ 1,320 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์ ซึ่งยังไม่รวมกับค่าพรีเมียมอีก 340 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ กรณีที่ราคาทองลงมาจนใกล้ราคาหน้าเหมือง มักจะเห็นข่าวระงับการขุดเจาะเพราะไม่คุ้มทุน อีกทั้ง ทองคำยังเป็นที่ต้องการของธนาคารกลางทั่วโลกที่ต้องการลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐฯ จึงมั่นใจว่าการกำหนด Barrier Level ที่ +15% และ -20% เป็นระดับที่เหมาะสม
ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 1 ปี ได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผลตอบแทนของกองทุนไม่ได้ผันแปรกับการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในลักษณะเส้นตรง แต่ขึ้นอยู่กับอัตราการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวนเท่านั้น
กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนผลตอบแทนของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จึงทำให้กองทุนมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนจะป้องกันความด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้และ/หรือเงินฝากต่างประเทศ
กองทุนรวมนี้มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน มีความแตกต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทน ความเสี่ยง และขอคำแนะนำเพิ่มเติมจาก บลจ. หรือผู้สนับสนุนการขายก่อนตัดสินใจลงทุน ติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป