นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN ผู้นำด้านเทคโนโลยี Mendix Low-Code ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในเอเชีย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 56.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.49 ล้านบาท หรือ 111% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 26.52 ล้านบาท มีรายได้จากการให้บริการ 329.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 85.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35% โดยรายได้กลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัลและงานบริการให้คำปรึกษา เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า 29.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26% โดยรายได้จากการให้บริการของกลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัล และงานบริการให้คำปรึกษาของบริษัท มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนโครงการจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) ในปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 55% ของรายได้รวม
ขณะที่งานบำรุงรักษาระบบ งานสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และคลาวด์ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 53.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42% ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของงานโครงการ ประกอบกับ บริษัทฯมีฐานลูกค้าใหม่ที่ใช้ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ Mendix และใช้บริการคลาวด์มากขึ้น รวมถึงลูกค้าเดิมมีปริมาณการใช้บริการเช่าพื้นที่คลาวด์เพิ่มขึ้น
"ผลประกอบการในงวด 9 เดือน ที่ออกมาเป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น สาเหตุจากบริษัทฯมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 17% จากกลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัล และงานให้บริการคำปรึกษาเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนโครงการจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ในงวด 9 เดือนแรกปีนี้เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นประมาณ 50 โครงการ และมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 14 ราย" นายปนายุ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2566 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.46 ล้านบาท หรือ 146% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.17 ล้านบาท มีรายได้จากการให้บริการ 109.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 23.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28% โดยรายได้กลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัล และงานบริการให้คำปรึกษา เพิ่มขึ้น 10.26 ล้านบาท หรือ 28% เนื่องจากในงวดก่อน บริษัทฯ มีงานโครงการที่มีมูลค่าสูงที่ส่งมอบในระหว่างงวด ส่วนงานบำรุงรักษาระบบ งานสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และคลาวด์ ยังคงเติบโต 28%
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ประเมินว่ายังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถปิดดีลกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ได้เพิ่มขึ้นอีก และยังมีการรับงานอื่นๆ ต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มยานยนต์ และค้าปลีก เป็นต้น อย่างไรก็ดี บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อรองรับงานในอนาคตที่มีเข้ามา อีกทั้งบริษัทฯ เตรียมแผนเปิดตัวแพลตฟอร์มตัวแทนจำหน่ายประกันใน Q1/67 สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/66 มูลค่างานประมาณ 323 ล้านบาท โดยรับรู้รายได้ราว 101 ล้านบาท ภายในปี 2566 นี้ และจะทยอยรับรู้รายได้หลังปี 2566 อีกราว 222 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีงานในมือที่เข้ามาในเดือนกันยายนที่ผ่านมา อีกจำนวนหนึ่ง และยังมีโครงการที่อยู่ใน pipeline อีกราว 466 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสที่จะได้งานสูงสุดท้าย บริษัทได้รับอนิสงส์จาก BOI ช่วยลดภาษีนิติบุคคลเพิ่มขึ้นอีกใน Q4 ปีนี้ และจะรับรู้ผลจาก BOI เต็มที่ใน Q2 ปี 2567
ที่มา: ไออาร์ พลัส