ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างเต็มกำลัง แม้ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น ส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจเดิมกลับสู่ระดับปกติ (Organic growth) ทำให้ บริษัทฯ ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตจาก 2 ธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวสูง นับเป็นแผนธุรกิจ 1-3 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1) ธุรกิจ Sleep Medicine & Sleep lab มีเป้าหมายภายในปี 2567 มีจำนวน Lab 15 แห่ง และมีเตียงให้บริการรวม 60 เตียง และ 2) ธุรกิจ Wellness เป็นการให้เช่าเครื่องมือทางการแพทย์รองรับการให้บริการ Wellness เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวทางการแพทย์ (Medical Tourism) และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน
โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างรายได้ประจำจากการให้เช่าเครื่องมือทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบ Revenue Sharing และการเช่าใช้ หรือเช่าซื้อ เครื่องมือแพทย์ต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปี 2567 กลับมาฟื้นตัว
ทั้งนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญของ SMD ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าเครื่องมือแพทย์ฯ ภายใต้แบรนด์สินค้าของผู้ผลิตกว่า 30 ราย และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนการจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ฯ จากผู้ผลิตหลากหลายแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียง เช่น Mindray (จีน), ResMed (ออสเตรเลีย) และ Hillrom (สหรัฐฯ) ประกอบกับด้วยโครงสร้างรายได้กว่า 96% เป็นการจำหน่ายสินค้าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ 4% เป็นรายได้ให้บริการ ด้วยจุดเด่นดังกล่าวทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างโอกาสการเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ ตลาดสินค้าเวชบำบัดวิกฤตและโรคเฉพาะซึ่งทาง SMD มีกลุ่มลูกค้าหลักทั้งภาครัฐ (B2G) และเอกชน (B2B) รวมทั้งมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากไม่มีเงินกู้สถาบันการเงิน และเป็น Net cash ทำให้พร้อมต่อการดำเนินธุรกิจและขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม - กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 182.9 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายและบริการ 442.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทำได้ 12.2 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 68.5 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม - กันยายน) มีรายได้จากการขายและบริการ 581.2 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายและบริการ 1,841.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทำได้ 48.9 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 291.9 ล้านบาท สาเหตุที่ผลการดำเนินงานชะลอตัวมาจากยอดขายกลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไปลดลง โดยเฉพาะ Covid-19 ATK Test-Kit รวมทั้งยอดขายกลุ่มเวชบำบัดวิกฤติ ซึ่งมีความต้องการสินค้าลดลงเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีการระบาดของ COVID-19 อย่างรุนแรง ซึ่งผู้ป่วยมีอาการของโรคที่รุนแรงมากกว่าในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันที่สูงขึ้นมากในด้านราคาของชุดอุปกรณ์ตรวจเชื้อ Covid-19 หรือ ATK รวมถึงความต้องการอุปกรณ์ที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์ด้านเวชศาสตร์การนอนหลับมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากการที่ประชาชนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการนอนอย่างมีคุณภาพ ทำให้มีความสนใจเรื่องเวลเนสมากขึ้น เช่น เครื่องออกซิเจนความดันสูง (mHBOT - Mild Hyperbaric Oxygen Chamber) และ Kegel Exercise System เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากกำไรสุทธิของผลประกอบการรวมถึงกระแสเงินสดที่มั่นคง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2566 (มกราคม-กันยายน) ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 ธันวาคม 2566
ที่มา: เอ็มที มัลติมีเดีย