สำหรับความเป็นมาของวันพระบิดาแห่งฝนหลวง มีที่มานับตั้งแต่ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 ทรงพบว่าราษฎรเดือดร้อน พืชผลทางการเกษตรเสียหายจากทั้งฝนแล้งและน้ำท่วม ทำให้ทรงเกิดแนวคิดในการแก้ปัญหาทุกข์ร้อนของราษฎรในขณะนั้นว่า "สมควรที่จะสร้างฝายหรือเขื่อนขนาดเล็ก (Check dams) และอ่างเก็บน้ำจำนวนมากขวางทางน้ำ เพื่อป้องกันหรือลดความรุนแรงการไหลบ่า และเก็บกักน้ำไว้ในฤดูแล้ง ซึ่งเป็นการบรรเทาสภาวะแห้งแล้งได้ทางหนึ่ง" ที่สำคัญทรงเกิดประกายความคิดด้วยความมั่นพระทัยว่าน่าจะนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาช่วยให้เกิดฝนได้ นับเป็นต้นกำเนิดของแนวพระราชดำริที่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนเป็น "โครงการพระราชดำริฝนหลวง" ในปัจจุบัน
ในระยะเริ่มแรก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นฐานปฏิบัติการหลักในการวิจัย การค้นคว้าทดลองเพื่อพัฒนาขั้นตอนกรรมวิธีและเทคนิคในการปฏิบัติการฝนหลวงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพระราชกรณียกิจดังกล่าวด้วยพระองค์เอง ทั้งระหว่างที่ทรงแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล หรือทรงบัญชาการมาจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐานผ่านข่ายวิทยุตำรวจ กรมการบินพาณิชย์จึงได้จัดอาคารท่าอากาศยานในขณะนั้นให้เป็นสถานที่ทรงงาน จึงเรียกกันว่า "ศาลาที่ประทับ" ตั้งแต่นั้นมา นับได้ว่าสถานที่นี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโครงการฝนหลวง ปัจจุบัน ศูนย์ฝนหลวงหัวหินมีสถานภาพพร้อมที่จะดำเนินการเป็นต้นแบบ ในภารกิจด้านระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ ภารกิจพัฒนาเทคนิคเสริมเทคโนโลยี ภารกิจปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษและฝนหลวงปกติ ภารกิจถ่ายทอดเทคโนโลยีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและสาธิตการปฏิบัติการฝนหลวง การทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวง รวมไปถึงการวิจัยคุณภาพน้ำฝน นอกจากนี้ภายในหอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง มีการจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งเปิดบริการให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชม ในวันและเวลาราชการ อีกด้วย
ที่มา: กรมฝนหลวงเเละการบินเกษตร