TCMC เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ทำรายได้รวม 1.84 พันล้านบาทชี้ธุรกิจกำลังปรับตัว พร้อมเดินหน้าบูรณาการแผนธุรกิจตามเป้า

ศุกร์ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๑:๓๗
ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (TCM Corporation) หรือ TCMC เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 มีรายได้กว่า 1.84 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 7.43 ล้านบาท ชี้สภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นตามสถานการณ์โลก อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้วอย่างดี ทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพ ยกระดับการบริหารจัดการต้นทุน จึงได้รับผลกระทบไม่มากเท่าคู่แข่งในตลาด ยังคงเดินหน้าบูรณาการตามแผน

นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCMC) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 บริษัททีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (เรียกรวมกันว่า "กลุ่มบริษัท") มีผลกำไรจากการดำเนินงานลดลงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่ารายได้ของกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวจะฟื้นตัวตามคาด แต่รายได้ของกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ลดลงอย่างมากจากสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย และในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงหยุดพักร้อนของประเทศอังกฤษ เป็น low season ของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 จำนวน 1,847.17 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ มีรายได้ 2,037.63 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.35 และ มี EBITDA จำนวน 158.42 ล้านบาท สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 36.41 อย่างไรก็ดีบริษัทยังมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 7.43 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 3.87 ล้านบาท

"ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่สามสะท้อนให้เห็นว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาพลังงาน แต่บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้วอย่างดี ตลอดระยะเวลาหลายปีผ่านมาบริษัทมีการปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพการดำเนินการ การบริหารจัดการต้นทุน จึงไม่ได้รับผลกระทบที่เห็นเด่นชัด ภาพรวมของบริษัทยังคงทำรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวที่ฟื้นตัวจากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม ด้านธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวตามสถานการณ์ตลาด ทั้งปัญหาการขาดแคลนแผงวงจรอุตสาหกรรมรถยนต์ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งเรามั่นใจว่าผลการประกอบการของบริษัทในภาพรวมของปีนี้จะยังคงสอดคล้องกับสภาวะตลาด โดยเราจะมุ่งทำตลาดส่งออก โดยเฉพาะตลาดโซนเอเชียที่มีศักยภาพ และยังคงเติบโตแข็งแกร่ง" นางสาวปิยพรกล่าว

มุ่งปรับประสิทธิภาพลุยฝ่าสภาวะผันผวน 

แม้ในไตรมาสที่สามกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) มียอดขายลดลงร้อยละ 20.59 เมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา จากสภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้น และการปรับอัตราดอกเบี้ยของประเทศอังกฤษ ทำให้คนใช้จ่ายน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้านำเข้าและสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงการเป็นช่วงหยุดยาวของอังกฤษทำให้คนเลือกใช้จ่ายกับการเดินทางท่องเที่ยวมากกว่า การซื้อของกลุ่มธุรกิจมีกำไรสูงขึ้น 32.78 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนถึงแม้จะมียอดขายลดลง คิดเป็นกำไรสูงขึ้นร้อยละ 6.77 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีอัตราส่วนกำไรปรับสูงขึ้นเป็นร้อยละ 19.48 จากการกระจายแหล่งผลิต และการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับราคาสินค้าเพื่อรับกับผลกระทบจากการค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สูงขึ้น รวมถึงกำไรจากฝั่งนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากค่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ลดราคาลงอยู่ในระดับปกติ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการขายและบริหารได้ดีกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญาเช่าโรงงาน และการปรับอัตรากำลังให้เหมาะสมกับปริมาณคำสั่งซื้อ ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดจะส่งผลดีต่อไปในอนาคต ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจมีค่าใช้จ่ายการขายและบริหารในไตรมาสนี้รวมกันสูงขึ้นร้อยละ 4.97 เป็นผลจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการเข้าร่วมงาน furniture show ในต่างประเทศ เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินที่มีปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 5.25 และภาษีเงินได้ กลุ่มธุรกิจมีผลขาดทุนสุทธิที่ 57.29 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 55.81 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะกลับมาทำกำไรได้ในช่วง High Season ที่ความต้องการซื้อเพิ่มมากขึ้นในหลายตลาด โดยจะเน้นที่ตลาดส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะโซนเอเชียที่ตลาดยังเติบโตแข็งแกร่ง เศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มเติบโตจากการลงทุนของภาคเอกชนและนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจจะยังมุ่งสู่การผลิตและออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เพิ่มมากยิ่งขึ้น 

ด้านกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว (TCM Surface) มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 682.08 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 5.17 เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ ทำให้กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวมีผลกำไรสุทธิ 39.30 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรมซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจบริษัท ถึงแม้ว่ากลุ่มธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากค่าขนส่ง ค่าแรง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากสภาพตลาด แต่บริษัทได้มีการปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกัน และในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ RT Acoustic เข้าสู่ตลาด โดยได้ผลตอบรับค่อนข้างดีทำให้มีอัตรากำไรสูงขึ้นเล็กน้อย 

ในส่วนของกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) สามารถทำยอดขายสูงขึ้นกว่าปีก่อนได้ถึงร้อยละ 10.08 เป็นผลจากออเดอร์ที่เข้ามาเยอะขึ้น และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักร ในขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยและต่างประเทศในไตรมาสที่ผ่านมามีทิศทางดีขึ้น เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายจากส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ ทำให้กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์มีผลกำไรสุทธิ 25.42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.42 ของยอดขาย  

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ลดลงจากวันสิ้นปี 2565 จำนวน 265.19 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.19 มีหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ลดลงจากวันสิ้นปี 2565 จำนวน 296.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.24 และมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 สูงขึ้นจากวันสิ้นปี 2565 จำนวน 31.52 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.19 สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 อยู่ที่ 2.00:1 ต่ำกว่าวันสิ้นปี 2565 ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 2.13:1 เนื่องจากมีการจ่ายคืนเงินกู้บางส่วน 

จากแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพและกลยุทธ์การทำงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มสภาวะตลาดในไตรมาสที่สี่ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งพื้นผิว บริษัทตั้งเป้าสร้างผลกำไรมากกว่ารายได้ ซึ่งบริษัทเชื่อว่ากลุ่มธุรกิจยังมีแนวโน้มที่สามารถทำผลกำไรได้ดีจากผลประกอบการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังคงมีหลายปัจจัยทั้งบวกและลบที่น่าจับตามองทั้งในประเทศ อาทิ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน มาตรการการส่งเสริมการลงทุน ค่าเงิน ภาวะความผันผวนของตลาดหุ้นไทยและตลาดโลก และปัจจัยนอกประเทศ ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ และผลจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศ ที่ล้วนส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้และการลงทุนในอนาคตที่ต้องคำนึงถึง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของทีซีเอ็มซีกล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: ฮิต ทู พับบลิค

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO